“ไม่ว่าน้องจะทำดีแค่ไหน ก็โดนคัดออกอยู่ดี” คำพูดของ ‘เมนเทอร์คริส-หอวัง’ ที่ไม่ได้เป็นแค่ความจริงที่เกิดขึ้นในรายการ The Face เท่านั้น แต่สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับวงการ Big Tech ด้วยเช่นกัน
เพราะล่าสุด กระแสการ ‘เลย์ออฟ’ คนในวงการเทคโนโลยี ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง และที่ต้องจับเป็นพิเศษ คือไม่ใช่แค่ ‘คนทำงานระดับล่าง’ เท่านั้น แต่ ‘ผู้จัดการระดับกลาง’ (Middle Managers) กำลังเป็นเป้าของการปลด เพื่อลดต้นทุน ลดความซับซ้อน และเพิ่มความคล่องตัวให้กับองค์กร
ถ้าเอาข่าวใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ Microsoft เลย ที่เพิ่งเลย์ออฟพนักงานไปประมาณ 6,000 คน ซึ่งรวมถึงวิศวกรจำนวนมาก ตามเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้าง และเพิ่มการตัดสินใจที่ทำได้เร็วขึ้น แม้ผู้จัดการแต่ละคนที่เหลือจะต้องดูแลทีมที่ใหญ่ขึ้นก็ตาม
ซึ่ง Big Tech อื่นๆ ก็ทำตามแนวทางนี้เช่นกัน
- Intel ปรับองค์กรให้กระชับขึ้น ตามที่ซีอีโอคนล่าสุดบอกว่า “ผู้นำที่ดีที่สุดคือคนที่ทำงานได้เยอะที่สุด ด้วยจำนวนคนที่น้อยที่สุด”
- Amazon ขยายสัดส่วนระหว่างพนักงานกับผู้จัดการ ตาม ‘builder ratio’ หรือจำนวนวิศวกรเทียบกับจำนวนพนักงานที่ไม่ใช่วิศวกร
- Google ลดตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการลง 10% ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
- Meta เริ่มกระบวนการนี้ตั้งแต่ปี 2023 ตามนโยบาย “Flatter is faster” หรือ “องค์กรที่ flat กว่า จะมีความรวดเร็วกว่า” ของ Mark Zuckerberg
พูดง่ายๆ คือ Big Tech ทุกเจ้าพยายามลดจำนวนหัวหน้าให้เหลือเท่าที่จำเป็น
จาก ‘บนลงล่าง’ สู่ ‘ล่างขึ้นบน’
ไอเดียการลดจำนวนผู้จัดการ ฟังดูเป็นแนวคิดที่เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเทคที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากใช่มั้ยล่ะ
เหมือนกับที่ ’Deborah Ancona’ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการจาก MIT อธิบายว่า บริษัทไม่สามารถตัดสินใจ หรือทำอะไรได้เร็วเลยถ้าทุกการตัดสินใจต้องผ่านลำดับขั้นจำนวนมาก
เป้าหมายของแนวทางนี้คือ การผลักอำนาจในการตัดสินใจให้ใกล้กับคนที่ลงมือทำงานจริง ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร นักออกแบบ หรือทีมที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรง ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนจากแนวคิด ‘บนลงล่าง’ ไปสู่การเปิดพื้นที่ให้ทีมคิด และตัดสินใจจาก ‘ล่างขึ้นบน’
บริษัทอย่าง Dell และ Bayer ก็ใช้แนวทางนี้เช่นกัน โดย ‘Bill Anderson’ ซีอีโอของ Bayer มองว่าบริษัทมักจ้างคนเก่งมากๆ มา แล้วฝังพวกเขาไว้ใต้กฎระเบียบมากมาย และชั้นผู้บริหารจำนวนมาก ซึ่งนั่นคือเหตุที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ดูอืด และช้ามาก
Big Tech ปลดคนเยอะไปมั้ย?
การลดขั้นลำดับของโครงสร้าง อาจจะฟังดูสวยหรู อย่างมากก็แค่แลกกับการที่ผู้จัดการมีพนักงานภายใต้ตนเองที่ต้องดูแลเยอะขึ้น แต่ในความเป็นจริง มันมีอะไรมากกว่านั้น
เช่นที่ Amazon พนักงานบางส่วนบอกว่า ตอนนี้พวกเขาต้องเสียเวลาไปกับการเขียนรายงาน และเข้าประชุมมากขึ้น เพราะหัวหน้าไม่มีเวลาติดตามงานละเอียดๆ เหมือนเดิม
อดีตผู้จัดการฝ่าย HR คนหนึ่ง จากเดิมดูแลพนักงาน 11 คน สุดท้ายเพิ่มเป็น 21 คนในพริบตา เธอต้องเลิก one-on-one กับพนักงานประจำสัปดาห์ และหันไปใช้วิธีจัดการแบบ ‘asynchronous’ หรือไม่ต้องคุยพร้อมกัน หรือรอคำตอบทันที เช่น ส่งข้อความ ทิ้งโน้ต หรือใช้ระบบติดตามงานที่ให้แต่ละคนตอบในเวลาที่สะดวกแทน
แต่สุดท้าย ผลงานของทีมก็ยังไม่ถึงเป้า
แล้วแบบไหนถึงจะพอดี?
คำตอบคือ … ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ‘Jensen Huang’ ซีอีโอของ NVIDIA มีลูกน้องภายใต้โดยตรงถึง 60 คน ซึ่งถือว่าเยอะมาก
ขณะที่ Dell บอกว่าผู้จัดการควรดูแลคนประมาณ 15–20 คน
ส่วนตามเอกสารภายในของ Amazon เคยกำหนดขั้นต่ำไว้ที่พนักงาน 8 คน ต่อผู้จัดการ 1 คน แต่บริษัทก็ออกมาบอกว่ามันไม่ใช่กฎตายตัว
ถ้าไปดูงานวิจัยของ Gallup เขาบอกไว้ว่า ‘คุณภาพ’ ของผู้จัดการมีผลมากกว่าขนาดทีม ถ้าผู้จัดการดี ทีมก็มีแนวโน้มจะเวิร์ก แม้จะมีสมาชิกเยอะก็ตาม
แต่ในทางกลับกัน ทีมเล็กๆ ก็ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป เพราะถ้าผู้จัดการไม่เวิร์ก ก็พังได้เหมือนกัน
อีกปัจจัยคือประเภทของงาน ถ้างานมันซับซ้อน หรือต้องใช้ความเข้าใจคนเยอะ การให้ผู้จัดการดูแลคนเยอะๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
‘Ravin Jesuthasan’ จาก Mercer บริษัทที่ปรึกษาบอกว่า เวลาลูกน้องมีปัญหา พวกเขาก็ยังต้องการคนคุยอยู่ดี ผู้จัดการยังคงเป็นคนแรกที่ลูกทีมพึ่งได้ แต่การมีลูกน้องถึง 20 คน ก็อาจจะหนักเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่
ส่วนงานวิจัยของ McKinsey ในปี 2023 บอกไว้ว่า ระบบองค์กรที่แบนลงอาจจะได้ผลถ้าทำดีๆ ซึ่งบริษัทที่มีผู้จัดการระดับเทพ จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นดีกว่าบริษัทที่มีแต่ผู้จัดการระดับกลางๆ หรือแย่ๆ แบบเห็นได้ชัด
เพราะฉะนั้น การโละผู้จัดการออกไปเยอะเกิน อาจส่งผลเสียระยะยาว แม้มันจะช่วยลดขั้นตอนหรือทำให้บริษัทเร็วขึ้นก็ตาม
‘Jane Edison Stevenson’ จากบริษัท Korn Ferry บอกว่า การลดชั้นผู้จัดการอาจช่วยให้คนเก่งๆ โดดเด่นขึ้นมาได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าบริษัทไม่มีผู้จัดการระดับกลางที่เก่งพอ ก็จะไม่มีคนคอยเชื่อมโยงทีมต่างๆ หรือปั้นคนเก่งขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นต่อไป
สรุปก็คือ มันไม่ใช่แค่การลดจำนวนผู้จัดการอย่างเดียว แต่องค์กรต้องมีผู้จัดการที่ดี และพร้อมจะรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างหาก
- Google ทำโครงการสมัครใจลาออก ผู้บริหารบอกต้องลดต้นทุนคน แล้วเอาเงินไปลงทุนด้าน AI
- TikTok ยุคใหม่ เลิกจ้าง-ลดต้นทุน เปลี่ยนโฟกัสจากการเติบโตไปที่เพิ่มประสิทธิภาพ
- Meta ปรับโครงสร้างใหม่ บีบทีมให้เล็กลง ผ่านระบบประเมินผลกลางปี
ที่มา: Business Insider, Life at Wongnai, LinkedIn
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา