BEM ยกระดับ Smart Mobility เจาะลึกการใช้ EMV Contactless เปลี่ยนโฉมการเดินทาง MRT ให้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น

การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดเจนจากการที่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผลักดันการใช้ระบบชำระค่าโดยสารด้วย บัตร EMV (Europay, Mastercard and Visa) Contactless ในรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง

การนำระบบ EMV มาใช้ นอกจากเป็นการเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินให้กับผู้โดยสาร ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับบริการสู่มาตรฐานสากลและตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือแนวทางที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของ BEM ในการสร้างประโยชน์ให้กับผู้โดยสารในชีวิตประจำวัน และยังแสดงให้เห็นถึงอนาคต Smart Mobility ในกรุงเทพฯ ได้ชัดเจน

เบื้องหลังวิสัยทัศน์ของ BEM ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง

EMV คือ มาตรฐานสากลสำหรับบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทั่วโลก ที่ใช้ชิปไมโครโปรเซสเซอร์ในการทำธุรกรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการปลอมแปลงบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็กแบบดั้งเดิม

การนำเทคโนโลยี EMV มาปรับใช้จึงสะท้อนวิสัยทัศน์ของ BEM ในการเป็นผู้นำระบบขนส่งสาธารณะใจกลางเมือง ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

แต่เบื้องหลัง คือความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานและคนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังต่อประสบการณ์ที่ “ไร้รอยต่อ” ในทุกมิติของชีวิต การต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อเหรียญโดยสาร หรือกังวลเรื่องการเติมเงินในบัตรเดินทาง ถือเป็นอุปสรรคที่บั่นทอนประสบการณ์การเดินทาง การใช้บัตร EMV เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมด ทำให้การเดินทางผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่ราบรื่นได้อย่างแท้จริง

ทำไม EMV จึงเป็นเทคโนโลยีที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

  • ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม ชิปบนบัตรจะสร้างรหัสแบบใช้ครั้งเดียว (Dynamic Code) ขึ้นมาใหม่ ทำให้การคัดลอกข้อมูลเพื่อนำไปสร้างบัตรปลอมนั้นทำได้ยากมาก แตกต่างจากบัตรแถบแม่เหล็กที่ข้อมูลคงที่และสามารถคัดลอกได้ง่าย
  • เป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงที่ระบบธนาคารทั่วโลกให้การยอมรับและมีการใช้งาน
  • เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ​ โดยเฉพาะในระบบขนส่งมวลชนของเมืองใหญ่ เช่น สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ฮ่องกง และญี่ปุ่น
  • BEM นำระบบนี้มาใช้ในประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม 2565 เป็นการยกระดับบริการของไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็น Smart Mobility Platform ที่เชื่อมโยงการเดินทางเข้ากับ Lifestyle Digital Payment ของผู้คน
  • ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่สะดวกขึ้นด้วยการ “แตะ-จ่าย” ทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องพกเงินสดหรือเสียเวลาต่อคิวซื้อเหรียญโดยสารอีกต่อไป
  • ผู้โดยสาร สามารถรวมการใช้จ่ายไว้ในบัตรใบเดียว ตั้งแต่การเดินทางไปจนถึงการใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน ง่ายต่อการบริหารจัดการและการรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ

ไขข้อสงสัย บัตร EMV Contactless ใบไหนใช้ได้บ้าง

ความสะดวกสบายนี้เปิดกว้างสำหรับผู้โดยสารที่ถือบัตรหลากหลายประเภท ช่วยทลายกำแพงการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เป็นครั้งคราว ที่สามารถใช้บัตรเครดิต EMV Contactless (มีสัญลักษณ์รูปคลื่น 4 ขีด) แตะเข้าระบบได้ทันที

ปัจจุบัน บัตรที่สามารถใช้งานได้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง มีดังนี้

  • บัตรเครดิต VISA และ Mastercard ทุกธนาคาร , และ UnionPay โดยอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขการใช้งานบัตรผ่านเว็บไซต์ www.bemplc.co.th
  • บัตรเดบิต ธนาคารกรุงไทย, UOB, กรุงศรีอยุธยา, กสิกรไทย และพันธมิตรล่าสุด ธนาคารไทยพาณิชย์
  • บัตรพรีเพด (Prepaid) BigPay และบัตรจากธนาคารกรุงไทย, กรุงศรีอยุธยา, กสิกรไทย และไทยพาณิชย์
  • บัตร MRT EMV และ Mangmoom EMV

แตะ-เช็ก-ชัวร์ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด

เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและมั่นใจได้เต็มร้อย BEM แนะนำ 3 ขั้นตอนง่ายๆ

  1. แตะ (Tap)
      • สังเกตสัญลักษณ์ มองหา สัญลักษณ์ Contactless ที่บริเวณเครื่องอ่านซึ่งติดตั้งอยู่ “ด้านบน” ของประตูจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ
      • ใช้บัตรใบเดิมเสมอ ต้องใช้ บัตรใบเดียวกัน ในการแตะเข้าและแตะออกจากระบบเท่านั้น
      • แตะครั้งเดียว แตะบัตรที่เครื่องอ่าน เพียงครั้งเดียว เพื่อเข้าระบบ การแตะซ้ำสองครั้งอาจทำให้ระบบล็อคบัตรชั่วคราวได้
      • เตรียมเงินให้พร้อม สำหรับผู้ใช้งานบัตรเดบิตและบัตรพรีเพด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามียอดเงินในบัตรเพียงพอสำหรับค่าโดยสาร
  2. เช็ก (Check)
      • เมื่อสิ้นสุดการเดินทาง สามารถตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์
        www.mangmoomemv.com
      • ยอดใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในวันเดินทางจะถูกคำนวณเป็นยอดสะสม และจะแสดงผลบนเว็บไซต์ในวันถัดไป
  3. ชัวร์ (Sure)
      • แนะนำให้ลงทะเบียนบัตรที่ใช้งานผ่านเว็บไซต์
        www.mangmoomemv.com เนื่องจากบัตรเครดิตบางธนาคารอาจไม่แสดงยอดตัดบัญชีแบบเรียลไทม์
      • การลงทะเบียนช่วยให้สามารถตรวจสอบ ประวัติการเดินทางย้อนหลังได้ 60 วันและยังใช้เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับแจ้งเรื่องร้องเรียนหากเกิดปัญหากับบัตรที่ใช้งาน

Fast Lane และอนาคตของ BEM ในฐานะผู้นำคมนาคมไทย

นอกจากเทคโนโลยี EMV ทาง BEM ได้พัฒนาบริการในอนาคต คือ การพัฒนาช่องทางด่วน (Fast Lane) สำหรับผู้ใช้บัตร EMV โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทางช่วงเวลาเร่งด่วน โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วในหลายสถานี เช่น สถานีลุมพินี และสถานีสุขุมวิท

การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า BEM กำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการขนส่งมวลชน ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเดินทางอัจฉริยะ (Smart Mobility Platform) การลงทุนในเทคโนโลยีครั้งนี้สร้าง “ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ” ในภาพรวม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางของผู้โดยสาร, ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสอดคล้องกับนโยบาย สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ของประเทศ

เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ BEM กำลังวางรากฐานไว้เพื่อยกระดับการเดินทางในกรุงเทพฯ ให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา