เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ บลจ.บัวหลวง ในการเปิดตัวกองทุนใหม่ B-CHINE-EQ เน้นลงทุนในประเทศจีนเป็นหลัก โดยชูจุดเด่น คือลงทุนในหุ้นจีนทุกตลาดหลักทรัพย์ และรวมไปถึงลงทุนในหุ้นที่มีอนาคตไกลรองรับเทรนด์ของเศรษฐกิจจีนที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบ
หลังจากประสบความสำเร็จในการออกกองทุนใหม่ๆ ที่มีธีมการลงทุนที่เน้นไปเฉพาะทางอย่างกองทุนหุ้นเอเชีย หรือแม้แต่กองทุนชื่อดังอย่าง บัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ คราวนี้ บลจ. บัวหลวง ไม่พลาดที่จะนำเสนอกองทุนหุ้นจีนเป็นครั้งแรก ซึ่งการเปิดตัวกองทุน B-CHINE-EQ ย่อมไม่ธรรมดา
ไม่ใช้ Feeder Fund
ปกติกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนส่วนใหญ่มักจะไปลงทุนกับกองทุนเจ้าอื่นๆ ที่ลงทุนในประเทศจีนหรือที่เรียกกันว่า Feeder Fund แต่ B-CHINE-EQ จะใช้การ Outsource ให้ Allianz Global Investor ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนให้กับทาง บลจ. บัวหลวง แต่ถ้าทาง บลจ. บัวหลวง จะลงทุนเองก็สามารถทำได้ สร้างความแตกต่างให้กับกองทุนที่ลงทุนหุ้นจีนในประเทศไทย แต่ในช่วงแรกนั้นจะให้ทาง Allianz Global Investor ทำหน้าที่ในการเป็นผู้จัดการกองทุนไปก่อน
ลงหุ้นจีนในทุกตลาดหลักทรัพย์
จุดเด่นของกองทุน B-CHINE-EQ คือ การลงทุนในหุ้นจีนแบบเต็มรูปแบบ แตกต่างกับกองทุนอื่นๆ ที่มักจะลงทุนในหุ้นจีนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงหรือสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยการจับมือกับทาง Allianz Global Investor จะทำให้ผู้ถือกองทุน B-CHINE-EQ ได้เปรียบกว่าคือ
- สามารถลงทุนใน A-Share ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซิ่นเจิ้นโดยซื้อขายเป็นเงินสกุลหยวน
- สามารถลงทุนใน H-Share ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
- สามารถลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ เช่นไต้หวัน สหรัฐอเมริกา หรือประเทศอื่นๆ ที่มีบริษัทจีนที่น่าสนใจอยู่ในกระดาน
โดยจุดเด่นทั้งของการลงทุนได้หลายตลาดในจีนหรือแม้แต่นอกจีนจะทำให้สามารถกระจายการลงทุนไปได้ เช่นในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ มีหุ้นกลุ่ม Consumer ที่เด่นๆ มาก ทางฝั่งของฮ่องกงก็จะมีกลุ่มการเงินและรวมไปถึงเซิ่นเจิ้น ที่มีหุ้นบริษัทเทคโนโลยีตัวเล็กที่น่าสนใจ เป็นต้น
Kelvin Lam จาก Allianz Global Investor บอกว่า จำนวนหุ้นในพอร์ตการลงทุนของ B-CHINE-EQ มีประมาณ 50 ตัว โดยไม่ได้เน้นว่าจะต้องเป็นหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แต่การเลือกจะเน้นไปยัง Theme การลงทุนและรวมไปถึงเรื่องของการทำกำไรของหุ้นแต่ละตัวมากกว่า
เน้นเด่นไปที่ธีมการลงทุน
Kelvin Lam ชู 3 ธีมเด่นหลักๆ ที่ทำให้กองทุน B-CHINE-EQ ไม่เหมือนใครดังต่อไปนี้
- Industrial Upgrade จีนได้เปลี่ยนการผลิตมาเน้นการผลิตแบบขั้นสูงมากขึ้น เช่น ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ รถยนต์ไฟฟ้า
- Consumption Upgrade ชาวจีนมีรายได้มากขึ้น ชนชั้นกลางที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีการใช้จ่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวของชาวจีน เรื่องของสุขภาพ เป็นต้น
- Policy Benefits โดยทาง Allianz Global Investor มองว่ารัฐบาลจีนจะเน้นเรื่องสภาพสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้หลายๆ บริษัทได้ประโยชน์อย่าง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
B-CHINE-EQ จะเปิดขายกองทุนครั้งแรก 27 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคมนี้ โปรโมชั่นของกองทุนที่เปิดขายครั้งแรกคือค่าธรรมเนียมซื้อกองทุนเหลือเพียงแค่ 0.5% เท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมบริหารรายปีอยู่ที่ประมาณ 1.75%
Note: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนในกองทุนต้องทำความเข้าใจเรื่องสินทรัพย์ที่ลงทุน และรวมไปถึงการอ่านข้อมูลของทุนอย่างเช่น Fact Sheet ของกองทุนอย่างละเอียดด้วย
ที่มา – BBLAM
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา