กรุงศรี เผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 67 ที่ 7,540 ล้านบาท ลดลง 13.1% ผลจากตั้งสำรองเพิ่ม

กรุงศรี รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 7,543 ล้านบาท ลดลง 13.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เน้นบริหารความเสี่ยงระมัดระวัง 

เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2567 มีแนวโน้มการขยายตัวที่ต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากภาคบริการ การท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนและภาคการผลิตในบางประเภทอุตสาหกรรม ส่วนข้อจำกัดช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณฯ ปี 2567 ที่ล่าช้า ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จึงเดินหน้านโยบายการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะสามารถเติบโตได้ 2.7% สูงกว่าปี 66 และยังโดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อรวมปีนี้ที่ 3-5%

ผลประกอบการของธนาคารฯ ไตรมาส 1 ปี 2567 (ณ 31 มี.ค. 67) มีจุดสำคัญดังนี้

  • กำไรสุทธิอยู่ที่ 7,543 ล้านบาท ลดลง 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 27,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM อยู่ที่ 4.16% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3.35%)
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวมอยู่ที่ 11,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 16,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 66,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.69% เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 ที่อยู่ระดับ 2.53%
  • ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อยู่ที่ 12,271 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากสิ้นปีก่อนหน้า (เพิ่มขึ้น 111.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)

อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อรวม ในไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 1.99 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากสิ้นเดือน ธ.ค. 2566 สาเหตุเพราะปัจจัยด้านฤดูกาลที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อรายย่อยมีการชำระคืนเงินให้สินเชื่อ 

ทั้งนี้ ณ 31 มี.ค. 2567 ทางธนาคารฯ เงินรับฝาก 2.00 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8.9% จากสิ้นปีก่อน) และสินทรัพย์รวม 2.86 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 310,290  ล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.08% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 13.44%

ที่มา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, SET

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา