ค่าเงินบาทไทยยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ แต่หลังจากนี้มีปัจจัยอะไรที่ต้องจับตามองบ้าง?
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บอกว่า สัปดาห์นี้ (8-12 เม.ย. 2562) คาดว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 31.70-32.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่ 5 เม.ย. 2562 ที่ปิดอ่อนค่า 31.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดมองว่าประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐคลี่คลายลงบ้าง ขณะเดียวกันข้อมูลการผลิตสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้ความเชื่อมมั่นของนักลงทุนต่อสหรัฐดีขึ้น
ส่วนปัจจัยในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า ราคาสินทรัพย์ไทยยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองโดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง เพราะความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นโครงการภาครัฐล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจัยที่กล่าวมาจะไม่กระทบเศรษฐกิจมากนักเพราะ โครงการลงทุนของภาครัฐที่เปิดประมูลแล้วสามารถเดินหน้าต่อได้ และพรรคการเมืองต่างๆ ยังมีนโยบายหลักที่ใช้การลงทุนภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สิ่งที่ต้องจับตามองระยะนี้ ได้แก่
- รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่จะสะท้อนทิศทางเงินเฟ้อ และนโยบายดอกเบี้ย โดยในภาพรวมเชื่อว่าเฟดจะยังคงส่งสัญญาณอย่างระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายการเงิน
- ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
- ความคืบหน้า Brexit
- การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การบรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งอาจประกาศได้ภายใน 4 สัปดาห์
- จับตาราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา