ตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในไทยเริ่มเดือด ? เมื่อเจ้าตลาดรายแรกๆ ในไทยอย่าง “บาวาเรีย” เริ่มออกมาทำการตลาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคู่แข่งเริ่มเปิดหน้าออกมาสู้กันแล้ว
“บาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์” คืออะไร
ก่อนอื่น บาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์ แม้จะมีหน้าตาและรสสัมผัสคล้ายเบียร์ แต่ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในทางเทคนิคมันคือ เครื่องดื่มมอลต์ที่ใช้น้ำแร่ธรรมชาตินำมาหมักด้วยสูตรพิเศษที่ยับยั้งไม่ให้ยีสต์ไปสร้างโมเลกุลจนเกิดเป็นแอลกอฮอล์ ทำให้เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ยังคงมียีสต์และรสสัมผัสของเบียร์เอาไว้ พูดง่ายๆ คือ เป็นเครื่องดื่มเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์นั่นเอง
ที่จริงแล้ว เครื่องดื่ม “บาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์” จำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท กัปตัน บาร์เรล จำกัด เป็นผู้นำเข้ามาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 หรือประมาณ 6 ปีมาแล้ว
- คำถามก็คือ ออกขายในตลาดมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมไม่ทำการตลาดจริงจัง เหตุใดจึงมาทำในปีนี้?
ทำไมถึงต้องทำการตลาดในปี 2019
คำตอบแรกของ อาชว มหามงคล กรรมการผู้จัดการบริษัท กัปตัน บาร์เรล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเบียร์พรีเมี่ยมและเครื่องดื่มชั้นนำจากทั่วโลก บอกว่า “เป็นเพราะ 2 เรื่องด้วยกันคือ กระแสเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในระดับโลกกำลังมาแรง ส่วนอีกเรื่องคือทีมงานของเราในประเทศไทยมีความพร้อมพอดี”
เมื่อไปเปิดดูกระแสเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในระดับโลก อ้างอิงข้อมูลจาก Global Market Insights พบว่า มูลค่าตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในทวีปเอเชียแปซิฟิคมีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 4.95 หมื่นล้านบาท) ในปีพ.ศ. 2559 โดยตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคได้แก่ๆ จีน อินเดีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น หรือถ้าข้ามไปดูฝั่งสหราชอาณาจักรตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ก็เติบโตกว่า 15% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ขายในไทยมา 6 ปี เรียนรู้อะไรบ้าง
อาชว บอกว่า 6 ปีที่ขายบาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์ในประเทศไทย สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ “รู้ว่ารสชาติไหนขายได้ ช่วงแรกๆ นำเอามาเป็นสิบรสชาติ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าที่ขายได้คือ รสแอปเปิล สตรอเบอร์รี่ เลม่อน และออริจินัล” และแน่นอน 4 รสชาตินี้คือ 4 รสชาติที่มีขายอยู่ในตลาดไทยในปัจจุบัน
นอกจากนั้น 6 ปีที่ผ่านมา อาชว ยังบอกด้วยว่า “เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจที่ต่อเนื่อง โตปีละ 10-15%” แต่หลังจากปี 2019 เป็นต้นไป เชื่อว่าทั้งกระแสในระดับโลก ความพร้อมของทีมงาน และตลาดประเทศไทยที่มีคู่แข่งเปิดตัวเบียร์ไร้แอลกอฮอล์มาลงเล่นในตลาดมากขึ้น จะทำให้ตลาดคึกคัก ส่วนของบาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์เชื่อว่าปีนี้ “จะโตถึง 20% อย่างแน่นอน” มากกว่านั้นก็บอกว่าจะขยายตัวแทนจำหน่ายไปกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ
- อาชว ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงตัวเลขรายได้ โดยให้เหตุผลว่า “ตลาดยังไม่โตในระดับที่จะบอกตัวเลขได้” มากกว่านั้นเมื่อถามถึงภาพรวมตลาด ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะเปิดเผยแต่อย่างใด
ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเครื่องดื่มชนิดนี้บ้าง?
กลุ่มเป้าหมายของบาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์คือ กลุ่มผู้ดื่มเบียร์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปกติ แต่ต้องการที่จะลดปริมาณแอลกอฮอล์ หรือไม่สะดวกที่จะต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันนั้นๆ เช่น ต้องขับรถยนต์ ส่วนอีกกลุ่มคือคนที่ต้องการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีข้อจำกัดด้านสุขภาพหรือโรคประจำตัว
นอกจากนั้นยังรวมไปถึงกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้พยายามอยากมากที่จะขาย “ความสุขภาพดี” และ “กีฬา-การออกกำลังกาย” โดยเน้นไปที่ปริมาณน้ำตาลที่น้อยกว่าเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬามากกว่าครึ่ง (ประมาณ 68%) รวมถึงปริมาณแคลอรี่ที่น้อยกว่า 41% เมื่อเทียบกับน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ในท้องตลาด
- ความพยายามในการเกาะกระแสสุขภาพ ถึงขั้นที่ว่าพยายามโปรโมทว่า หลังออกกำลังกาย ให้ดื่มบาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์
สรุป: ในยุคขาลงของเบียร์ ทางออกคือเบียร์ไร้แอลกอฮอล์?
ในยุคที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากกระแสของผู้บริโภคยุคใหม่เน้นไปที่การรักสุขภาพ เครื่องดื่มที่จะตอบโจทย์จึงต้องเน้นไปที่เรื่องสุขภาพเป็นหลัก
แต่ถ้าถามว่าตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์จะเติบโตไปอีกมากเพียงใด ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ คงบอกได้เพียงว่า ต้องจับตาดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ คือ ปี 2019 ถือเป็นปีแรกๆ ที่ตลาดนี้ในประเทศไทยจะเริ่มเดือดขึ้นอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา