COVID ปิดเมือง โอบามาพูดสุนทรพจน์ออนไลน์ให้เด็กจบใหม่

ตามธรรมเนียมของทุกปี ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาการจัดพิธีสำเร็จการศึกษาให้กับนักเรียน และนักศึกษาทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โรงเรียน และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เลือกจัดพิธีสำเร็จการศึกษาออนไลน์แทน

Historically black colleges and university (HBCU) ซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียน และมหาวิทยาลัยสำหรับคนผิวสี ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงที่ยังมีการเหยียดสีผิวในสหรัฐฯ ได้จัดงานพิธีสำเร็จการศึกษาออนไลน์ให้กับนักเรียนและนักศึกษากว่า 27,000 คน ใน 78 สถาบัน โดยใช้ชื่องานว่า Show Me Your Walk HBCU Edition

Barack Obama (Photo by Alex Wong/Getty Images)

หนึ่งในแขกรับเชิญที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Barack Obama อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวสุนทรพจน์เพื่อแสดงความยินดีกับนักเรียนนักศึกษาในพิธีสำเร็จการศึกษาออนไลน์ครั้งนี้ โดยเน้นไปที่การต่อสู้เรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง การเปลี่ยนโลก โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่คนผิวสีต้องเผชิญเมื่อหลายสิบปีก่อน

ความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต ที่มาจากความท้าทาย

Obama กล่าวว่า “การสำเร็จการศึกษาถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ทั้งการเรียนในห้องเรียนและนอกห้องเรียนล้วนแล้วแต่เป็นความท้าทายทั้งสิ้น บางคนอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาเงินเพื่อจ่ายค่าเทอม หรือบางคนอาจเป็นคนแรกในครอบครัวที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความภูมิใจ โดยเฉพาะคนที่ให้การสนับสนุน ทั้งพ่อ แม่ คนในครอบครัว หรือแม้แต่ครูอาจารย์”

ปัญหาการเลือกปฎิบัติต่อคนผิวสีในสหรัฐฯ เมื่อหลายสิบปีก่อน ภาพจาก pixabay.com

การสำเร็จการศึกษาในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 Obama คิดว่ามันอาจเป็นเรื่องแปลกๆ อยู่บ้างที่ต้องมีการจัดพิธีสำเร็จการศึกษาออนไลน์แบบนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในสังคมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดย Obama ได้เปรียบเทียบความไม่เท่าเทียมนี้กับสถานการณ์ที่คนผิวสีต้องพบในอดีต

ความไม่เท่าเทียม หรือความอยุติธรรมสำหรับ Obama มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แต่สิ่งสำคัญคือการลุกขึ้นมาแก้ไขความไม่ยุติธรรมนั้นของคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ใช้ไม่ได้ผลในยุคปัจจุบัน ไม่ได้คิดถึงแต่เฉพาะตัวเอง แต่ต้องรู้จักคิดถึงคนอื่นๆ ในสังคมด้วย

ในยุคสมัยปัจจุบัน คนผิวสีในสหรัฐอเมริกาสามารถเลือกเรียนในสถานศึกษาที่ตัวเองต้องการได้ตามใจ แต่การเลือกเรียนใน HBCU เป็นเหมือนการเลือกเรียนในสถานศึกษาของคนรุ่นก่อนๆ ที่มีความกล้าในการเปลี่ยนแปลงความไม่ยุติธรรมที่คนผิวสีเคยพบเจอในอดีต เช่น Thurgood Marshall นักกฎหมายชาวผิวสีที่ต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน และ Toni Morrison นักเขียนที่สร้างความตระหนักให้กับสังคม

นอกจากนี้ Barack Obama ยังได้ให้คำแนะนำกับนักเรียนนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอนาคตหลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย 3 ข้อ ได้แก่

ต้องรู้จักอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

สิ่งแรกที่ Obama ให้ความสำคัญและเน้นย้ำกับนักเรียนนักศึกษาคือ การอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เข้าไปทำงานกับคนในชุมชน สัมผัสกับการทำงานตั้งแต่ระดับรากฐาน ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมโดยใช้ความตระหนักต่อปัญหา ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือแม้แต่ความโกรธก็สามารถใช้เป็นพลังในการต่อสู้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการทำกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่การใช้สิทธิใช้เสียงของตัวเองในการโหวต ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนทำอยู่แล้ว

การรวมตัวเพื่อเรียนกร้องความยุติธรรมของคน ภาพจาก pixabay.com

อย่าสู้คนเดียว ต้องมีพันธมิตรร่วมด้วย

Obama เล่าว่าความพยายามเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเพื่อน หรือพันธมิตรที่ต้องช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะคนผิวสีในสหรัฐฯ ที่เคยเผชิญกับความไม่เท่าเทียม และความไม่ยุติธรรม ดังนั้นจึงควรลุกขึ้นเพื่อต่อสู้ไปกับคนที่กำลังเจอกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย คนในชนบทที่เข้าไม่ถึงโอกาส กลุ่ม LGBT กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยที่มีที่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน รวมถึงกลุ่มที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ ทั้งชาวละตินอเมริกัน ชาวเอเชีย และชาวผิวสี

ลุกขึ้นยืนเพื่อต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากกลุ่มสถาบันใน HBCU เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มคนที่น่าภาคภูมิใจ ดังนั้นแล้ว Obama จึงเปรียบนักเรียนนักศึกษาจาก HBCU ว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นต้นแบบให้กับสังคม สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมกับระบอบประชาธิปไตย การลุกขึ้นยืนเพื่อต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง การช่วยกันเป็นกระบอกเสียงให้กับคนอื่นๆ ในสังคม หรือแม้แต่การเลือกที่จะไม่ลุกขึ้นมา แต่เลือกที่จะอยู่อย่างเงียบๆ ก็ถือว่าเป็นการส่งเสียงออกไปในอีกทางหนึ่งเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้เป็นพลังที่มีอยู่ในมือของนักเรียนนักศึกษาทุกๆ คน พลังนี้จะช่วยเป็นแสงสว่างให้กับความยุติธรรม และความเท่าเทียม

ที่มา –  Nytimes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา