บ้านปู เตรียมขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

บ้านปู เตรียมขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เครดิต A+ จองซื้อกันยายนนี้

Banpu-debentures

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานระดับโลกเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) จำนวน 3 รุ่น ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง เมื่อ 1 สิงหาคม 2565 ที่ระดับ A+ แนวโน้มคงที่ (Stable)

สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ระบุ บ้านปูได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว หุ้นกู้ที่เสนอขายให้ผู้ลงทุนทั่วไปมีจำนวน 3 รุ่น คือรุ่นอายุ 4 ปี รุ่นอายุ 7 ปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราผลตอบแทนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

คาดว่าจะเสนอขายในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ผ่านผู้จัดการจัดจำหน่าย 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต และบริาัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร ผ่านสาขา ระบบออนไลน์และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อ 1 สิงหาคม 2565 ที่ระดับ A+ แนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ ทริสเรทติ้งระบุเพิ่มเติมว่า ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 บ้านปูมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการณ์ไว้ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาแลค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 433 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 63% YOY และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ดีขึ้นอยู่ที่ 3.6 เท่าจาก 4.5 เท่า ณ สิ้นปี 2564

ต้นปีที่ผ่านมา บ้านปูประสบความสำเร็จจากการซื้อสินทรัพย์แหล่งก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา มูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าสินทรัพย์แหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่นี้จะสามารถสร้าง EBITDA ให้แก่บริษัทได้ทันทีประมาณ 150-180ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนด้านการแพทย์ในสหรัฐฯ มูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

บ้านปูมุ่งธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม คือธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจผลิตพลังงาน และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศทั่วโลก คือไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

ที่มา – SEC 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา