เคาะแล้ว กนง. มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25 เพิ่มจาก 1.00% เป็น 1.25% มีผลทันที
ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 ต่อปี จาก 1.00 เป็น 1.25% ต่อปี เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชนเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจระยะต่อไป ช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.2 3.7 และ 3.9 ในปี 2565 2566 และ 2567 ตามลำดับ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น กระจายตัวทั่วถึงมากขึ้น
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ส่งออกขยายตัวลดลง แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังใกล้เคียงเดิม แต่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูงอาจชะลอตัวลงกว่าคาด
อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากราคาพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 6.3% 3.0% และ 2.1% ในปี 2565 2566 และ 2567 ผ่านจุดสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2565 แล้ว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าไฟไฟ้าเป็นสำคัญ
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ จะทยอยลดลงอยู่ที่ 2.6% 2.5% และ 2.0% ในปี 2565 2566 และ 2567 ตามลำดับ ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นและการปรับราคาพลังงานในประเทศที่ยังไม่แน่นอน
การเงิน
ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองเข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางจากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้อาจอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น ควรปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง
การกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยังเอื้อต่อการระดมทุน ปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
เคลื่อนไหวผันผวนสูงจากทิศทางดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักเป็นสำคัญ ต้องติดตามพัฒนาการตลาดการเงินและความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
ที่มา – ธปท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา