สแกนดิเนเวียครองหัวตาราง ฮ่องกงทำงานหนักสุดในโลก ไทยติดอันดับ 3
ผลสำรวจของ Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงานทำผลสำรวจทั่วโลกในหัวข้อ “Cities with the Best Work-Life Balance 2021” เพื่อค้นหาว่าเมืองไหนในโลกที่มีการทำงานที่สมดุลที่สุดแห่งปี 2021 โดยพบว่า ประเทศที่มีการทำงานที่มีสมดุลดีที่สุดในโลกคือเมืองในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
5 อันดับแรกเมืองที่มีการทำงานสมดุลดีที่สุดในโลก ได้แก่
- เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (ได้ 100 คะแนนเต็ม)
- ออสโล ประเทศนอร์เวย์ (ได้ 98.6 คะแนน)
- ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ได้ 91.5 คะแนน)
- สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
- โคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค
ส่วน 5 อันดับยอดแย่ของเมืองที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและไร้สมดุลที่สุดในโลก ได้แก่
- ฮ่องกง
- สิงคโปร์
- กรุงเทพ ประเทศไทย
- บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
- โซล ประเทศเกาหลีใต้
ปัจจัยอะไรบ้างที่นำมาวิเคราะห์
มีหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่ชั่วโมงการทำงาน จำนวนวันลาขั้นต่ำ สิทธิในการลาคลอด/เลี้ยงดูลูก รวมไปถึงปัจจัยสนับสนุนด้านอื่นๆ ในแต่ละเมือง เช่น การเข้าถึงระบบสาธารณสุขในเมือง ผลกระทบและการเยียวยาในยุคแห่งโควิด ความปลอดภัยในเมือง คุณภาพของอากาศในเมือง (มี PM 2.5 และ PM 10 ในเมืองสูง ก็ได้คะแนนต่ำ) ฯลฯ
- ดูวิธีการวิจัยและรายละเอียดผลกรวิจัยอย่างละเอียดได้ที่ Kisi: Cities with the Best Work-Life Balance 2021
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ว่าทำงานหนักมากเกินไปหรือเปล่า ต้องดูที่ “ระยะเวลาในการทำงาน” โดยงานวิจัยนี้วางมาตรฐานของการทำงานเอาไว้ว่า หากใครที่ทำงานตั้งแต่ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไปจะถือว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก (Overworked) คิดง่ายๆ คือทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป
งานวิจัยชิ้นนี้อ้างอิงข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization (ILO) ที่ระบุว่า การทำงานที่สมดุลคือการทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง หรือคิดเป็นการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง และทำงานเพียง 5 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นหากทำงานด้วยชั่วโมงการทำงานที่น้อยกว่านี้ก็หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การทำงานหนักส่งผลต่อคุณภาพชีวิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แนะนำบทความ ผลการศึกษาจาก WHO เผย มีคนตายจากการทำงานหนักปีละเกือบ 8 แสน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา