อย่างที่รู้ว่า ประเทศไทย มีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวและบริการ ว่าแล้ว มาสเตอร์การ์ด ก็เลยทำการสำรวจเพื่อดูว่าเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทาง มีการใช้จ่าย เมืองไหนติดอันดับโลกบ้าง พบว่า กรุงเทพ ติดอันดับ 1 อยู่หลายรายการ ลองไปดูผลการสำรวจกัน
กรุงเทพรักษาแชมป์เมืองปลายทางของโลก
ข้อมูลจากในงานแถลงข่าว ผลการสำรวจจุดหมายปลายทางโลก มาสเตอร์การ์ด ทำมาเป็นปีที่ 7 เป็นการจัดอันดับ 132 เมืองทั่วโลกที่มีผู้มาเยือนมาที่สุด และมีการคำนวณนักท่องเที่ยวและการใช้จ่าย โดยในปี 2559 กรุงเทพ คว้าตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลก จะต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกจำนวน 21.47 ล้านคน มากกว่าลอนดอนที่เป็นจุดหมายปลายทางอันดับสอง ซึ่งมีนักท่องเที่ยว 19.88 ล้านคน โดยมีอันดับ Top10 ดังนี้
นักท่องเที่ยวที่มาไทยมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ จีน, ญี่ปุ่น, อเมริกา, อินเดีย และเยอรมัน
รักษาแชมป์ต่อเนื่อง จุดแข็งต้องรักษา จุดอ่อนต้องปรับปรุง
จากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ด พบว่า กรุงเทพครองตำแหน่งแชมป์เมืองจุดหมายปลายทางของโลกอันดับ 1 บ่อยที่สุด คือ 2011, 2012, 2013, 2014 และ 2016 ส่วนปี 2015 นั้นตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของลอนดอน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้กรุงเทพพลาดในปีนั้น คือ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่กินระยะเวลาหลายเดือนติดต่อกัน (ขึ้นกับช่วงเวลาที่เก็บข้อมูล)
แต่ก็ได้แสดงให้เห็นจุดเด่นของกรุงเทพ และประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาการเมือง, ภัยธรรมชาติ, เหตุระเบิด แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ จุดแข็งของกรุงเทพ และประเทศไทย คือ การมีตำแหน่งเป็นศูนย์กลางของประเทศ และภูมิภาค ทำให้สะดวกในการเดินทางไปจุดหมายอื่นๆ ค่าครองชีพไม่สูง อาหารอร่อย เป็นแหล่งบันเทิงในทุกด้าน มีบริการที่ดี มีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และมีคนที่อัธยาศัยดี สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้มาเยือน
ขณะที่จุดอ่อนของกรุงเทพ คือ ระบบการขนส่งที่ต้องปรับปรุง รวมถึงการต้องรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องมีการวางแผนเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น ทั้งเรื่องที่พัก, การเดินทาง, สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งต้องการระเบียบและหลักเกณฑ์ และการดูแลเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้นตามไปด้วย
การใช้จ่ายติดอันดับ 4 แต่เป็นข้อดีมากกว่าเสีย
สำหรับยอดการใช้จ่ายของผู้มาเยือน กรุงเทพ ติดอันดับ 4 โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายรวม 14,840 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรอง ดูไบ, ลอนดอน, นิวยอร์ค แต่สามารถชนะ โตเกียว, ปารีส และสิงคโปร์ได้ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่า กรุงเทพ นอกจากเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มีค่าครองชีพที่ไม่สูง แต่มีนักท่องเที่ยวใช้จ่ายในระดับที่น่าพอใจ และทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจมาเยือนได้ง่าย เพราะหากเทียบเมืองใหญ่ของโลก เช่น ลอนดอน, นิวยอร์ค, โตเกียว เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงมาก
ดังนั้น การที่กรุงเทพมีผู้มาเยือน 21.47 ล้านคน และมีการใช้จ่าย 14,840 ล้านดอลลาร์ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และยังสะท้อนให้เห็นว่า กรุงเทพ และประเทศไทย ต้องเปิดรับนักท่องเที่ยวในทุกระดับ ตั้งแต่ Hi – Low สร้างสมดุลการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในทุกระดับ เช่น นักธุรกิจชั้นสูงอาจจะเที่ยวโรงแรม 5 ดาว แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปอาจจะพักโรงแรมในท้องถิ่น
แนวโน้มการเดินทางในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก
ยุโรป – ลอนดอน ซึ่งอยู่ในอันดับสองในการสำรวจเมืองจุดหมายปลายทางของโลกและอยู่ในอันดับหนึ่งของทวีปยุโรป ถือเป็นเมืองที่ป้อนนักเดินทางและปริมาณการจับจ่ายใช้สอยสู่เมืองอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเมืองปลายทางชั้นนำของยุโรปทั้งสิ่น ไม่ว่าจะเป็นปารีส อิสตันบูล บาร์เซโลน่า และอัมสเตอร์ดัม
ลาติน อเมริกา – ลิมา เป็นทั้งจุดหมายปลายทางที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดและมีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ด้วยจำนวนผู้มาเยือน 4.03 ล้านคน (อันดับ 32 ของโลก) และมีอัตราเติบโต 9.9% (อันดับ 15 ของโลก) การจัดอันดับการใช้จ่ายของผู้มาเยือนแบบค้างคืนกลับแตกต่างอย่างมาก โดยปันตา คานาเป็นเมืองที่มีการใช้จ่ายสูงสุดในภูมิภาคนี้ที่ 2.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยเม็กซิโก ซิตี้ (2.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
ตะวันออกกลาง และแอฟริกา – ดูไบ เป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในภูมิภาคนี้ (อันดับ 4 ของโลก) ขณะที่อาบู ดาบีเป็นเมืองที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคตั้งแต่ปี 2009 โดยมีอัตราการเติบโตตาม CAGR ที่ 19.81% ทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นทั้งเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดและเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเป็นปีที่สองติดต่อกัน
อเมริกาเหนือ – นิวยอร์ก ซึ่งอยู่อันดับ 5 ของจุดหมายปลายทางของโลก คือเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในภูมิภาคอเมริกาเหนือ พร้อมกับมีการใช้จ่ายของผู้มาเยือนแบบค้างคืนสูงสุดแบบทิ้งห่างเมืองอื่นที่ 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ เกือบ 90% ของผู้ที่เดินทางมานิวยอร์กมาจากนอกภูมิภาคอเมริกาเหนือ นำโดยลอนดอน ปารีส เซาเปาโล และปักกิ่ง
ข้อมูลอ้างอิง: MasterCard
Image Credit: pixabay.com, pexels.com
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา