ผู้ชายหลายคนน่าจะรู้จัก Gundam และคงเคยเสียเงินกับมันมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ Gundam ไม่ได้ทำเงินเป็นอันดับหนึ่งให้เจ้าของอย่าง Bandai Namco แล้ว และปัญหานี้ทำให้ยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องลงทุนสร้างสิ่งใหม่
ความนิยมที่ปรับตัวลดลงจากยอดขาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน Gundam คือยอดขายหลักของ Bandai Namco Holdings เพราะทั้งความนิยมของการ์ตูน และการจำหน่ายสินค้า Gunpla นั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันมันผ่านมากกว่า 40 ปีแล้วสำหรับ Gundam ทำให้อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงกันได้
โดยเฉพาะยอดขายในปีปฏิทิน 2561 ที่สินค้าภายใต้กลุ่ม Gundam นั้นมียอดขายรวม 68,300 ล้านเยน (ราว 19,500 ล้านบาท) น้อยกว่าสินค้ากลุ่ม Dragon Ball ที่มียอดขาย 97,900 ล้านเยน (ราว 28,000 ล้านเยน) ถือเป็นครั้งแรกที่สินค้ากลุ่ม Gundam ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งของยอดขาย Bandai Namco
และถึงปีปฏิทิน 2561 ตัว Gundam จะฟื้นยอดขายกลับมาเป็น 79,300 ล้านเยน (ราว 22,600 ล้านบาท) ก็ยังน้อยกว่าสินค้ากลุ่ม Dragon Ball ที่ทำได้ 1.29 แสนล้านเยน (ราว 36,900 ล้านบาท) แสดงให้เห็นว่า Gundam ที่ยังโตอยู่ไม่สามารถทัดทานการเติบโตของ Dragon Ball ได้แม้แต่น้อย
Mobile Game กับอนาคตของ Bandai Namco
เหตุที่ Dragon Ball ขึ้นมาเป็นรายได้อันดับหนึ่งของ Bandai Namco ในช่วงหลังเพราะความนิยมในตัวเกมมือถือ Dragon Ball Z Dokkan Battle เพราะเพียงแค่เปิดตัวเมื่อปี 2558 ก็ได้รับความนิยมทั้งในประเทศญี่ปุ่น และระดับโลกจนเงินสะพัดมหาศาล
นอกจาก Dragon Ball ที่ได้รับความนิยม Bandai Namco ยังเร่งทำตลาด Idolm@ster อีกสินค้าที่ประยุกต์มาจากเกมที่พัฒนาโดย Namco เมื่อปี 2548 และรูปแบบของเกมจะเป็นการปั้น Idol รวมถึึง Love Live! อีกหลากหลายรูปแบบความบันเทิงที่อิงจากเรื่อง Idol เช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะตัวเกม The Idolm@ster Cinderella Girls: Starlight Stage นั้นได้รับความนิยมจากแฟนๆ จนติด 10 อันดับแรกของเกมมือถือในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องนาน 4 ปีติดต่อกัน ส่วนความนิยมของ Love Live! นั้นมาจากนักพากย์ทำการเต้นเลียนแบบตัวละครในเรื่อง แถมเตรียมจัดงานใหญ่ฉลอง 9 ปี และเปิดตัวเกมมือถือปีนี้
แต่ Gundam ยังคงต้องอยู่ตลอดไป
Mitsuaki Taguchi ประธานของ Bandai Namco ยอมรับว่า ถึงบริษัทจะมีการเติบโตที่ดี แต่ก็ต้องหาสิ่งใหม่ๆ มาเติมเต็มในอนาคตอีก 10 ข้างหน้า เพราะถ้าไม่เริ่ม อนาคตของบริษัทก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง ยิ่งปีนี้การ์ตูน Mobile Suit Gundam จะฉลองครบรอบ 40 ปีแล้ว ดังนั้นมันน่าจะมีอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Gundam อีก
สำหรับปีนี้ Gundam จะมีงานครั้งใหญ่พร้อมการแสดงดนตรี และอยู่ระหว่างวางแผนจัดงาน Gundam Expo ในปี 2563 ที่สำคัญช่วงปลายปีจะมีภาพยนตร์ที่อิงจากเรื่อง Mobile Suit Gundam: Hathaway’s Flash รวมถึงจะมีนิยาย Gundam อีก 3 เล่มเช่นกัน
Makoto Asanuma ประธานของ Sunrise บริษัทที่รับผิดชอบผลิตการ์ตูน Gundam เล่าให้ฟังว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่นั้นทางกลุ่มทำงานกับ Legendary Picture จากสหรัฐอเมริกา แต่ยังคงเนื้อหาที่เน้นตอบโจทย์ชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก เพราะความสำเร็จของการ์ตูนญี่ปุ่นในระดับโลกมักเกิดจากการสร้างเนื้อหาเพื่อคนญี่ปุ่น
ธุรกิจจะโตยั่งยืนต้องไประดับโลกให้ได้
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ Bandai Namco นั้นทำยอดขายปีปฏิทิน 2561 เติบโต 8% จากปีก่อนเป็น 7.32 แสนล้านเยน (ราว 2.09 แสนล้านบาท) ส่วนกำไรจากการดำเนินงานนั้นเพิ่มขึ้น 12% เป็น 84,000 ล้านเยน (ราว 24,000 ล้านบาท) ส่วนกำไรสุทธินั้นเติบโต 17% เป็น 63,300 ล้านเยน (ราว 18,100 ล้านบาท)
ถือเป็นการเติบโตสูงสุดต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน และจากความสำเร็จนี้เองทำให้ Bandai Namco ถูกคัดเลือกเป็นหุ้น Blue Chip (หุ้นชั้นดี มีความเสี่ยงต่ำ) ในตลาดหลักทรัพย์ Nikkei ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยเป้าหมายระยะยาวของ Bandai Namco คือเป็นบริษัทด้านความบันเทิงอันดับที่ 1 ของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ Bandai Namco ต้องตีตลาดระดับโลกให้สำเร็จด้วย เพราะตลาดเกมมือถือในญี่ปุ่นนั้นแข่งขันสูง และเติบโตลำบาก ทำให้บริษัทเตรียมลงทุนถึง 25,000 ล้านเยน (ราว 7,100 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาเนื้อหา และสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดโลกได้ โดยตอนนี้ Gundam ก็ยังไม่ได้รับความนิยมในระดับโลกมากนัก
สรุป
Gundam เป็นการ์ตูนในตำนาน และมีสินค้า Gunpla เป็นตัวขับเคลื่อนยอดขาย แต่เมื่อความต้องการผู้บริโภคเปลี่ยนไป การที่ Bandai Namco ก็ต้องปรับตัวเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ ทั้งการบุกตลาดเกมมือถือ และการทำสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ในระดับโลก ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า Gundam ก็คงไม่หายไปไหน เพียงแต่ถูกลดความสำคัญเท่านั้น
เรื่องน่ารู้ // การรวมกันระหว่าง Bandai ค่ายของเล่นยักษ์ใหญ่ กับ Namco ค่ายเกมเก่าแก่ของญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2548
อ้างอิง // Asia Nikkei Review, Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา