ตระกูลใบหยกซื้อแฟรนไชส์แบรนด์ Gram ร้านแพนเค้กจากประเทศญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่สยามพารากอน เติมพอร์ตธุรกิจอาหารให้แน่นขึ้น ตั้งเป้าอีก 2 ปีพาบริษัทเข้าตลาดระดมทุน
ส่ง Gram ชิงตลาดร้านเบเกอรี่ในไทย
“ใบหยก” เป็นอีกหนึ่งตระกูลใหญ่ของไทยที่มีธุรกิจหลากหลาย ที่ขึ้นชื่อสุดคงจะเป็นธุรกิจโรงแรมที่มีโรงแรมใบหยกสกาย หรือ “ตึกใบหยก” ที่หลายคนรู้จักอย่างดี นอกจากธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ตระกูลใบหยกยังมีธุรกิจอาหารภายใต้ “บริษัท พีดีเอส โฮลดิ้ง จำกัด” นำทัพโดย “ปิยะเลิศ ใบหยก” ทายาทเจน 3 ของตระกูล
พีดีเอส โฮลดิ้งได้ก่อตั้งมาแล้ว 4 ปี ได้ดูแลธุรกิจร้านอาหาร ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 แบรนด์ มีทั้งซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศ และสร้างแบรนด์เองด้วย แต่เมื่อ 2 ปีก่อนปิยะเลิศได้สร้างความฮือฮาในไทยด้วยการซื้อแฟรนไชส์ Pablo แบรนด์ชีสทาร์ตจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามา ถือเป็นการปลุกกระแสชีสทาร์ตให้ร้อนระอุในไทย
ในปีนี้ปิยะเลิศยังจะสร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการซื้อแฟรนไชส์ Gram ร้านแพนเค้กจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน หวังชิงตลาดเบเกอรี่ ร้านขนมหวานในไทย เพราะพฤติกรรมคนไทยชอบทานขนมหวานอยู่
แบรนด์นี้ได้ลูกพี่ลูกน้องอย่าง “กองทอง ใบหยก” มาช่วยดูแลด้วย โดยได้เล่าถึงที่มาของการนำเข้าแบรนด์ Gram ว่า
“จุดเริ่มต้นมาจากความชอบทานขนมเป็นการส่วนตัว ชอบหาคาเฟ่ใหม่ๆ ไปเจอร้านนี้ที่ญี่ปุ่น เห็นว่าร้านมีแถวยาวตลอด มีสินค้าน่าสนใจ มีแพนเค้กแบบใหม่ๆ ไม่ปกติ และร้านนี้เป็นร้านที่ดังมากในญี่ปุ่น เป็นร้านแรกที่คิดค้นแพนเค้กแบบฟูๆ พรีเมี่ยม เลยอยากนำเข้าแพนเค้กเข้ามาให้คนไทยทาน ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่น เอามาเสริมธุรกิจขนมหวานหลังจากที่มี Pablo แล้วแบรนด์หนึ่งด้วย”
Gram เป็นคาเฟ่ที่เด่นเรื่องเมนูแพนเค้ก ทำตลาดมาแล้ว 4 ปี เปิดสาขาแรกที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีทั้งหมด 56 สาขา ได้ขยายออกสู่ต่างประเทศครั้งแรกเมื่อ 2 เดือนก่อนที่ฮ่องกง และล่าสุดคือประเทศไทยที่สยามพารากอน
ปิยะเลิศบอกว่าใช้เวลาพูดคุยนานพอสมควรเกือบ 2 ปี และมีนักธุรกิจไทยหลายรายเข้าไปพูดคุยเช่นกัน แต่ที่ทางบริษัทแม่เลือกพีดีเอส โฮลดิ้งเพราะเห็นพอร์ตโฟลิโอในธุรกิจอาหาร และแบล็กกราวน์เป็นธุรกิจของเครือใบหยกจึงมีความมั่นใจ โดยที่สาขาแรกลงทุน 10 ล้าน
ต้องเลือกร้านดัง และต้องต่อคิว!
หลังจากเปิดพีดีเอสได้ 4 ปี ปิยะเลิศบอกว่าได้เรียนรู้การทำธุรกิจอาหารมากขึ้น เริ่มต้นจากการเรียนรู้จากแบรนด์ใหญ่ๆ ด้วยการซื้อแฟรนไชส์เข้ามา ยังไม่ต้องเสียเวลาสร้างแบรนด์เอง
“ในช่วงหลายปีที่ทำธุรกิจมาได้ทำแบรนด์เองบ้าง ซื้อเข้ามาบ้าง แต่ก็ได้เรียนรู้ด้วยการซื้อแบรนด์เข้ามา แต่ในอนาคตก็อยากทำแบรนด์เองให้เจ๋งๆ เวลาซื้อแบรนด์มาจะได้ Know How หลายอย่างเป็นแพ็คเกจทั้งเทรนนิ่ง สูตรอาหารครบเลย แต่ถ้าแบรนด์ที่ทำเองต้องเสียเวลาทำการตลาดเองอีก”
หลักการเลือกแบรนด์ในการนำเข้ามานั้นปิยะเลิศบอกว่าใช้หลักการเดียวกันกับ Pablo ต้องเป็นแบรนด์ดัง มีกระแส มีการต่อคิว ทำให้ร้านไม่ต้องทำการตลาดหนักมาก เพราะเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเมนเทนให้อยู่ในตลาดนานๆ เท่านั้นเอง
ส่วนวิธีการสร้างกระแสให้อยู่นานๆ นั้น จำเป็นต้องมีโปรโมชั่น มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาตลอด ปิยะเลิศบอกว่าอย่าง Pablo ก็ไม่ได้ดรอปลงเท่าไหร่ เพียงแต่ในตอนแรกดันขายดีกว่าปกติเท่านั้น แต่เมื่อมีการขยายสาขาก็ทำให้ลูกค้าไม่ต้องต่อคิว แต่รายได้ก็ยังเติบโตอยู่เรื่อยๆ
อยากเข้าตลาดภายใน 2 ปี ระดมทุนทำอาหารแช่แข็ง
ปัจจุบันพีดีเอส โฮลดิ้งมีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 7 แบรนด์ เป็นแบรนด์ที่ซื้อแฟรนไชส์เข้ามา 4 แบรนด์ ได้แก่ IKKOUSHA Ramen, SEKAI NO YAMACHAN, PABLO Cheese Tart และ Gram มีแบรนด์ที่สร้างเองอีก 3 แบรนด์ ได้แก่ UCHIDAYA Ramen, Momotarou Ramen และ TAISHO Gyoza
ตอนนี้กำลังมองหาอาหารกลุ่มชาบู และเนื้อย่างมาเติมพอร์ตให้แน่นขึ้น ก่อนหน้านี้ปิยะเลิศเลยนำเข้าแบรนด์กิวกากุที่เป็นร้านปิ้งย่างเข้ามา พอทำแล้วผลตอบรับดีทางบริษัทแม่จึงซื้อคืนเพื่อไปทำเอง จึงมองหาแบรนด์เข้ามาเติมให้หลากหลาย
ในปีที่แล้วกลุ่มพีดีเอส โฮลดิ้งมีรายได้ 220 ล้าน เติบโต 15% แบรนด์ Pablo มีสัดส่วนรายได้ 25-30% จากทั้งหมด และจะขยายสาขา Gram ให้ได้ 5 สาขาภายในปีหน้า เน้นทำเลในห้างสรรพสินค้า หรือย่านที่มีคาเฟ่เยอะๆ อย่างอารีย์
ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตอีก 15% และตั้งเป้าว่าในอีก 2 ปีจะเข้าตลาดเพื่อระดมทุนในการทำอาหารแช่แข็ง เพราะมองว่ามีโอกาสในการเติบโตสูง
สรุป
ธุรกิจร้านอาหารมีการเคลื่อนไหวที่น่าตื่นเต้นจริงๆ นอกจากจะเห็นผู้เล่นใหญ่ๆ บุกตลาดอย่างหนัก ยังได้เห็นตระกูลใหญ่ๆ ในไทยต่างสรรหาแบรนด์ดังจากต่างประเทศมาเสริมธุรกิจกันมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าธุรกิจอาหารเป็นแหล่งสร้างรายได้อีกธุรกิจในยุคนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา