เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 2019) ตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งสหรัฐและไทยติดลบจนนักลงทุนหวั่นไหวไปทั่ว แม้วันนี้ (16 ส.ค.) นักลงทุนคลายกังวลได้บ้างว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่เห็นผลกระทบเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?
ภาพจาก Shutterstock
กรุงไทยคาดเงินบาทอ่อนค่าในกรอบ 30.79-30.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย บอกว่า นักลงทุนทั่วโลกกังวลว่าเศรษฐกิ จ (โลก) จะถดถอยและส่งผลต่อเนื่องมาที่ตลาดการเงินไทย จะเห็นว่าเมื่ออัตราผลตอบแทนรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ระยะยาว (อายุ 10 ปี) ปรับตัวลงต่อเนื่องจนซื้อขายที่ระดับ 1.42% ถือว่าต่ำกว่าดอกเบี้ ยนโยบายและผลตอบแทนของพันธบั ตรระยะสั้นที่อยู่ 1.50% (สถานการณ์นี้เรียกว่า Inverted Yield Curve)
ทั้งนี้แม้ว่าตลาดจะฟื้นตัวบ้าง โดยค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดที่ ระดับ 30.83 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากเมื่อวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.81 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามคาดว่าระหว่างวันค่าเงินบาทเจอแรงขายจากทั้งหุ้ นและตลาดตราสารหนี้ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นโดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 30.79-30.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นแม้ตลาดวันนี้จะฟื้นตัวกลั บขึ้นมาได้ แต่เชื่อว่าผู้ค้า (ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออก) ส่วนใหญ่จะไม่ รีบกลับเข้าซื้อเงินบาท เนื่องจากภาวะ Inverted Yield Curve เพิ่มโอกาสที่ธนาคารแห่ งประเทศไทย (ธปท.) จะต้อง “ลดดอกเบี้ย” ต่อเนื่อง และสัปดาห์หน้าประเทศไทยจะมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ถ้าออกมาต่ำกว่า 2.3% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อาจส่งผลให้เกิดแรงขายเงิ นบาทขึ้นได้อีกเช่นกัน
ภาพจาก Unsplash
นักลงทุนจับตาการสหรัฐฯ หากส่อแววแย่ กระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เมื่อคืน 15 ส.ค. 2019 ตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐฯฟื้นตัว ดัชนี S&P500 บวก 0.3% เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจไม่แย่อย่ างที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า (Trade War) ที่ยืดเยื้อทำให้นักลงุทนยังไม่กล้ าเปิดรับความเสี่ยง ส่งผลให้สินทรัพย์ ปลอดภัยเป็นที่ต้องการ ได้แก่
Bond Yield ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.51% (ปรับตัวลดลงอีก 7.9 bps)
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,524.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (ปรับเพิ่มขึ้น 0.5%)
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังเติบโต สวนทางตลาดที่กลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนก.ค. ขยายตัว 0.7% จากเดือนก่อนหน้า ถือว่าเติบโตดีที่สุ ดในรอบ 4 เดือน ซึ่งเติบโตจากยอดขายเสื้อผ้าและเฟอนิ เจอร์ แม้ว่ายอดขายรถยนต์จะลดลง
นอกจากนี้ภาพรวมภาคการผลิตก็ส่งสัญญาณฟื้ นตัวขึ้น จากผลสำรวจภาคธุรกิจทั้ งดัชนี NY Empire State manufacturing index และ Philadelphia Fed manufacturing index ที่ระดับ 4.8 จุด และ 16.8จุด ตามลำดับ ด้วยแรงหนุนของยอดคำสั่งซื้ อใหม่ที่เพิ่มขึ้นดีกว่าที่ คาดไว้ทั้งคู่
สรุป
การเคลื่อนไหวในตลาดหุ้น และค่าเงินทั่วโลก ยังต้องจับตายักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ เพราะนักลงทุนยังมองสินทรัพย์ดอลลาร์สหรัฐเป็น Safe Haven ไม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเคลื่อนไหวอย่างไร เงินของนักลงทุนจะเคลื่อนไหวไปมาเพื่อหาผลตอบแทนที่มากขึ้นเสมอ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related