ผงชูรสก็รักโลก อายิโนะโมะโต๊ะหนุนเกษตรไทย ลดปล่อยก๊าซ พลาสติก และขยะ

ใครจะไปเชื่อว่าแบรนด์ ‘ผงชูรส’ ธรรมดาๆ ที่เราคุ้นเคยจะให้ค่าสิ่งแวดล้อมขนาดนี้

ayinomoto

‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ เผยว่า ผู้บริโภคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ใส่ใจความยั่งยืนเป็นอย่างมาก และทางบริษัทเอง ก็สนใจเรื่องนี้ไม่แพ้กัน ชนิดที่ว่าเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรเลย

แต่บริษัทผงชูรสจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมยังไงบ้าง มาดูกัน

หาวัตถุดิบที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมลดก๊าซเรือนกระจก พลาสติก และขยะอาหาร

ayinomoto

ต้องเข้าใจก่อนว่าบริษัทไม่ได้มีแค่ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ แต่รวมถึง รสดี เบอร์ดี้ ทาคูมิอายิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วประมาณ 7 โรงงาน นับเป็นผู้เล่นที่สำคัญไม่น้อยในอุตสาหกรรมอาหาร

‘นพดล จิตรมั่น’ ผู้จัดการหน่วยงานผลิตและพัฒนา บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อายิโนะโมะโต๊ะตั้งใจจะดำเนินธุรกิจแบบ Net Zero โดยตั้งเป้าลดผลกระทบ 50% ภายในปี 2030 และอีก 24% ในปี 2050

ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายหลักของอายิโนะโมะโต๊ะในปี 2025 จึงเป็น ‘วัฏจักรอาหารยั่งยืน’ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ 4 มิติหลักคือ

  1. จัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืน โดยโฟกัสเรื่องการติดตามและตรวจสอบกลับได้ รวมถึงหาวัตถุดิบที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เช่น รับซื้อเมล็ดกาแฟจากไร่ที่มีคุณภาพตาม ‘หลักปฏิบัติการเกษตรที่ดี’ (GAP) ของกรมส่งเสริมการเกษตร
  1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการดำเนินงานตามแนวทาง ‘Ajinomoto Bio-cycle’ ซึ่งเป็นการร่วมมือกับภูมิภาคท้องถิ่น เพื่อสร้างกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมกับนโยบายโรงงานสีเขียวที่ใช้หลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) มาจัดการ
  1. ลดพลาสติก ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ‘Trash Lucky’ ในการเก็บขยะและให้ความรู้ชุมชน
  1. ลดขยะอาหาร โดยเอาวัตถุดิบที่เหลือจากการผลิตรสดีและเบอร์ดี้ ไปทำอาหารสัตว์หรือปุ๋ย ร่วมกับชุมชนรอบโรงงาน พร้อมผลักดันโครงการ ‘Too Good To Waste กินหมดลดโลกร้อน’ เพื่อลดขยะอาหารในครัวเรือน ผ่านสูตรอาหารรักษ์โลกร่วมกับร้านอาหารชื่อดัง 

ยกระดับเกษตรกรไทย เริ่มจากพัฒนาผลผลิตมันสำปะหลัง

ayinomoto

นอกจากนี้ อายิโนะโมะโต๊ะยังเป็นต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการดำเนินงานหลัก 2 ส่วนคือ

  • ผู้ผลิตสินค้าการเกษตร: แปรรูปผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตมาเป็นปุ๋ยชีวภาพและอาหารสัตว์ 
  • สานต่อโครงการ ‘Thai Farmer Better Life Partner’: ยกระดับผลผลิตและความรู้เกษตรกรไทยถึง 1,300 ครัวเรือน 

ภายใต้โครงการ Thai Farmer Better Life Partner นี้ ทางอายิโนะโมะโต๊ะเริ่มต้นจากการปลูกมันสำปะหลังผ่าน 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่

  1. AFDG One-Stop Service ร่วมกับหลากหลายพาร์ทเนอร์ เช่น Kubota ในการสาธิตเรื่องการเตรียมดินและการใช้เครื่องมือ หรือ Listenfield ในการพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามการเจริญเติบโตพืช
  1. นำ AI มาสร้างระบบห่วงโซ่อุปทาน เพื่อช่วยจับคู่โรงงานแป้งกับเกษตรกร
  1. ร่วมมือกับโรงแป้ง คอยติดตามว่าเกษตรกรควรขุดแป้งช่วงไหน
  1. พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เช่น การจัดการน้ำ 
  1. Farm School ให้ความรู้เกษตรกรร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร

นพดลทิ้งท้ายด้วยความเชื่อว่า แผนการดำเนินงานนี้จะช่วยสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจด้านการเกษตรของไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในประเทศให้โตอย่างยั่งยืน สู่อนาคตอันสดใสไปพร้อมกัน

ที่มา: Ajinomoto

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา