เมื่อระบบหุ่นยนต์ “Automation” จะมาแทนคน มนุษย์เงินเดือนกลุ่ม Millennials ต้องทำไง?

คนเจน Millennials หรือคนที่เกิดในปี พ.ศ. 2523-2540 (ตอนนี้อายุประมาณ 21-38 ปี) เป็นกลุ่มวัยทำงานที่จะอยู่ในตลาดไปอีกอย่างน้อย 20 ปีข้างหน้า แต่เมื่อธุรกิจทั้งหลายเริ่มใช้เทคโนโลยี ใช้ระบบหุ่นยนต์มาแทนที่พนักงานในออฟฟิสได้ แล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องทำอย่างไร?

กรุงไทย เปิดงานวิจัย Automation จะมาแทนมนุษย์เงินเดือนกลุ่ม Millennials

พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย บอกว่า จากบทวิจัยเรื่อง “Automation และการปรับตัวของมนุษย์เงินเดือนชาว Millennials” ของธนาคาร ธุรกิจต่างๆ หันมาใช้ Automation หรือเทคโนโลยีที่ปรับระบบงานเป็นรูปแบบอัตโนมัติมากขึ้น (ระบบหุ่นยนต์) เลยส่งผลกระทบต่อคนที่ทำงานแบบ Routine ในบางอาชีพ โดยเฉพาะเรื่องความก้าวหน้าและการเติบโตของรายได้ และกระทบกลุ่ม Millennials ที่เกิดปี พ.ศ. 2523-2540
“ในช่วง 20 กว่าปีข้างหน้า จะมีการนำ Automation มาใช้แพร่หลายมากขึ้น โดยเทคโนโลยี Automation ใหม่ๆ สามารถทำงานแทนพนักงานในออฟฟิศ หรือ White-collar jobs หลายๆ อย่างได้มากขึ้น รวมทั้งงานที่มีค่าจ้างสูงๆ ด้วย”
ผลสำรวจของ World Economic Forum ในปี 2561 บอกว่า 50% ของบริษัทในกลุ่มตัวอย่างจากทั่วโลกคาดว่า Automation จะกระทบการจ้างงานกลุ่ม Fulltime ภายในปี 2565 ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่ของไทยมีแผนนำ Automation มาใช้งาน ถึงจะเลิกจ้างพนักงานบางส่วน แต่ก็เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว

ถ้ามนุษย์เงินเดือนไม่ปรับตัว รายได้ลดแน่แถมเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ

พชรพจน์ บอกว่า ถ้าคนเจน Millennials ยังทำงาน Routine เหมือนเดิม รายได้ก็จะโตน้อยลงตามภาวะตลาดที่ต้องการทักษะกลุ่มนี้น้อยลง พอรายได้น้อยก็กระทบเงินออมในวัยทำงาน แล้วคนกลุ่มนี้ก็จะมีเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณน้อยลง
ดังนั้นถึงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนต้องคิด และทบทวนว่าจะทำงานเดิมต่อไปหรือเรียนต่อ เพื่อเปลี่ยนมาทำงานในลักษณะที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืองานเชิงบริหาร ซึ่งเป็นงาน Automation ทำได้ยากกว่า

แค่มีระบบ Automation จะกระทบมนุษย์เงินเดือนจริงหรือ?

กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย บอกว่า หากคนเจน Millennials รายได้เติบโตลดลง 1% อาจต้องออมเงินเพิ่มขึ้นอีก 4% ของรายได้เพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณเท่าเดิม และถ้า Automation ทำให้รายได้ของเราเติบโตเท่ากับอัตราเงินเฟ้อ เราอาจต้องเพิ่มสัดส่วนเงินออมเป็น 35% ของรายได้ทั้งหมด จากเดิมที่ต้องออมเพียง 25% ของรายได้ (ซึ่งไม่ได้ออมง่าย)
การทำงานในตลาดแรงงานยุคใหม่ ต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หากต้องเรียนต่อเพื่อให้ทำงานที่ Automation ทำได้ยาก เราต้องคิดและคำนวนต้นทุนในการเรียนต่อด้วย ซึ่งสามารถคืนทุนในเวลาไม่กี่ปี ทว่าการเรียนต่อไม่ใช่ทางเลือกเดียว
นอกจาก ปรับตัวเรื่องงาน และการออมแล้ว ต้องลงทุนรวมถึงป้องกันความเสี่ยงด้วย เช่น ลงทุนหุ้น ซื้อประกันชีวิต ประกันภัย กระจายความเสี่ยงให้เป็นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว

สรุป

หลายงานวิจัยทั่วโลกบอกว่า ระบบหุ่นยนต์ หรือระบบอัติโนมัติต่างๆ จะมาแทนที่ชนชั้นกลางที่ทำงานรูปแบบประจำๆ หรืองาน Routine ดังนั้นกระทบแน่กับกลุ่มมนุษย์เงินเดือนยุค Millenials ที่จะต้องใช้ชีวิตหลังจากนี้เกิน 20 ปี ดังนั้นต้องปรับตัวเพิ่มทักษะที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ เพื่อให้รายได้โตขึ้นออมเงินได้เยอะขึ้น พอใช้สบายๆ กับหลังเกษียณ

แต่ถ้าไม่เตรียมตัวเตรียมเงิน ก็ควรเตรียมใจว่าต้องรับเงินคนชราจากภาครัฐเดือนละ 600 บาทเพื่อใช้ทั้งเดือน…

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา