หลังจากเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายใหม่ ภาพลักษณ์ของ Audi ในประเทศไทยก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ซ่อมบำรุง และการทำตลาดด้วยรถยนต์ 9 โมเดล 16 รุ่นย่อย ในราคาที่เริ่มต้น 2.69 ล้านบาท จนครึ่งปีนี้มียอดจองมาแล้วกว่า 300 คัน
จากขายหลักร้อยต้นๆ มาปิด 600 คัน
เมื่อปี 2559 ตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ยี่ห้อ Audi อย่างถูกต้องในประเทศไทยมีราวร้อยคัน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดเอเชียอื่นๆ อาจเพราะช่วงนั้นรถจากเยอรมันแบรนด์นี้ยังอยู่ในมือของ “เยอรมันมอเตอร์เวอร์คส์” ตัวแทนจำหน่ายรายเดิม แต่พอสิทธิ์มาอยู่กับ “ไมซ์สเตอร์ เทคนิค” หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไป
กฤษณะกร เศวตนันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ผู้นำเข้า และผู้แทนจำหน่ายในชื่อ Audi Thailand เล่าให้ฟังว่า เมื่อปลายปีก่อนบริษัทได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์ Audi แทนตัวแทนรายเดิม และทำการปรับเปลี่ยนในหลายๆ เรื่อง จน Image ของแบรนด์ Audi ที่ติดอยู่กับใครหลายๆ คนนั้นหายไปทั้งหมด
“เข้าใจว่าหลายคนยังกลัวว่าซ่อมแพง หรือเป็นห่วงเรื่องศูนย์ แต่เราได้พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่นการเจรจาบริษัทแม่ให้ทำ Thailand Spec ออกมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดที่นี่โดยเฉพาะ รวมถึงเจรจาเรื่องสนับสนุนราคาให้ลงมาเอื้อมถึงง่ายขึ้น จนในที่สุดครึ่งปีแรกก็มียอดจองเข้ามาถึง 300 คัน และคงปิดที่ 600 คันได้ตามเป้า ถือเป็นการกลับมาที่ดีของแบรนด์”
ไม่ได้จับแค่ Sport เพราะเริ่มมุ่ง SUV
อย่างไรก็ตามยอดจองเข้ามา 300 คันของ Audi Thailand นั้นเป็นรถกลุ่ม Sport เช่น A5 Coupe, TT และ R8 ถึง 40% อาจเพราะความแตกต่างของดีไซน์ และราคาที่กดลงมาเริ่มต้นเพียง 3.19 ล้าน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจแบรนด์มากขึ้น ส่วนยอดขายรองลงมาจะเป็นกลุ่ม SUV นำโดยรุ่น Q7 ส่วนกลุ่ม Sedan เช่น A4 และ A6 จะมีสัดส่วนน้อยที่สุด
แต่จากนี้ไป Audi Thailand จะเน้นรถยนต์กลุ่ม SUV มากขึ้น เพื่อ Balance ยอดขาย ผ่านการเปิดตัวรุ่น Q5 หรือ SUV ขนาดกลาง ที่มีทั้งเครื่องเบนซิน และดีเซล ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท ทำให้ Line-up กลุ่ม SUV นั้นครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก ถึงใหญ่ ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท ผ่านรุ่น Q2, Q3, Q5 และ Q7
ดังนั้นยอดจำหน่ายถึงสิ้นปีที่ตั้งไว้ 600 คันจึงมีสัดส่วนที่แตกต่างจากเดิม โดยรถยนต์กลุ่ม Sport ยังครองอยู่ 30-35% รองลงมาเป็นกลุ่ม SUV ที่ 30% ส่วนที่เหลือก็จะเป็นกลุ่ม Sedan ที่จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นหลังจากนี้ด้วย ผ่านการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งสิ้นปีนี้จะมี A5 Coupe รุ่นเริ่มต้น ราคา 3.29 ล้านบาทเข้ามาเสริมทัพ
พัฒนาดีลเลอร์ พร้อมกลืนเลือดหากภาษีขึ้น
ขณะเดียวกันทางบริษัทมีแผนขยายดีลเลอร์ในต่างจังหวัด 4 แห่งประกอบด้วย เชียงใหม่, ขอนแก่น, ภูเก็ต และชลบุรี รวมถึงเพิ่มในเขตกรุงเทพเช่นกัน และก็มีผู้สนใจสมัครเข้ามากว่า 50 ราย แบ่งเป็นผู้อยากทำธุรกิจในกรุ่งเทพ 20 ราย ที่เหลือเป็นต่างจังหวัด มีทั้งผู้อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว และแค่มีที่ดิน แต่อยากทำธุรกิจเพิ่มเติม
“ต้นปีหน้า Audi Thailand น่าจะมีดีลเลอร์ในต่างจังหวัดแล้ว ที่เราช้าเพราะค่อนข้างคัดเลือก เช่นต้องมีเงินลงทุน 70 ล้านบาท, ที่ดิน 3 ไร่ และตัวโชว์รูมต้องโชว์รถได้ 8 คันด้วย ส่วนเรื่องช่องซ่อมนั้นไม่ได้ซีเรียสว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวโชว์รูมแห่งที่สองในกรุงเทพภาพใต้ชื่อ Audi Light House นั้นคาดว่าจะเสร็จในเดือนก.พ. 2561 ช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย”
ส่วนเรื่องภาษีรถยนต์ที่อาจเก็บเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากวันที่ 16 ก.ย. 2560 นั้น ทาง Audi Thailand ยังอยู่ระหว่างหารือ และรอความชัดเจนจากภาครัฐ โดยถ้าขึ้นไม่มาก ทางบริษัทจะคงราคาขายไว้เท่าเดิม แต่หากขึ้นเยอะอาจต้องมีการปรับราคาสำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว แต่ไม่น่ากระทบกับยอดขายในระยะยาว เช่นปี 2561 ตั้งไว้หลักพันคัน
สรุป
Audi Thailand เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์หรูประมาณหนึ่งเท่านั้น เพราะจากจำนวนการจำหน่ายนั้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ จากเยอรมันด้วยกัน แต่เชื่อว่าถ้าเจาะไปที่กลุ่มรถ Sport แล้ว ยอดจำหน่ายของรถยนต์แบรนด์นี้ไม่แพ้กับคู่แข่งแน่ๆ และถ้าทำตลาดดีๆ ก็น่าจะมีโอกาสกลับมามีพื้นที่ในตลาดไทยอย่างยั่งยืนแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา