AT&T จากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการสื่อ ผ่านการเข้าซ์้อธุรกิจของ Time Warner เช่น Pay – TV ทั้ง CNN, TNT และ HBO กับสตูดิโอผลิตภาพยนต์อย่าง Warner Bros. รวมมูค่ากว่า 85,400 ล้านดอลลาส์สหรัฐ
การเจรจาดีลธุรกิจครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนส.ค. 2559 หลังจาก แรนดอลล์ สตีเฟนสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AT&T ขอเข้าพบกับ เจฟฟ์ บิวเก้ส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Time Warners และการเข้าซื้อธุรกิจนี้จะเสร็จสมบูรณ์ช่วงสิ้นปี 2560
ซึ่งระหว่างเข้าพบครั้งนั้น เจฟฟ์ เล่าให้ฟังว่า แรนดอลล์เข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดิสทริบิวชั่น และมุมมองในเรื่องธุรกิจคอนเทนต์ จนมันมีความเป็นไปได้ที่ธุรกิจของทั้งคู่ก็น่าจะพัฒนาร่วมกัน แล้วทำไมไม่ลองดู ซึ่งหลังจากนั้น Time Warner ก็เริ่มมีความสนใจในการขายธุรกิจ และทั้งคู่ก็เริ่มเจรจากับบอร์ดบริหารของแต่ละฝ่าย เพื่อปิดดีลครั้งนี้ ก่อนในเวลาต่อมา การควบรวมกิจการก็เสร็จสิ้น
“หลังจากนี้ดิสทริบิวชั่นของสื่อจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะมีแพลตฟอร์มใหม่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ว่าผู้ชมต้องการอะไร ประกอบกับหลังจากนี้วีดีโอต่างๆ จะเริ่มมาอยู่บนโมบายมากขึ้น ดังนั้นดีลนี้ย่อมส่งผลดีให้กับทั้งสองฝ่าย รวมถึงฝั่งผู้บริโภคด้วย ที่สำคัญยังมีเรื่องโฆษณาที่ช่วยให้เอเยนซี่ต่างๆ เข้าลงสื่อแล้วได้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการ และยืนยันอีกครั้งว่า การรวมสององค์กรใหญ่เข้าด้วยกัน จะช่วยปรับภาพสื่อ และการสื่อสารไปอีกขั้นหนึ่ง”
สรุป
การที่ AT&T เข้ามาซื้อกิจการของ Time Warner ถือเป็นการควบรวมครั้งสำคัญของโลก เพราะเป็นการร่วมมือกันระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และยักษ์ใหญ่ในวงการสื่อ ซึ่งก็รู้กันดีว่า วงการสื่อต้องหาแพลตฟอร์มใหม่ๆ เข้ามาเผยแพร่ เพราะปัจจุบันผู้ชมอยู่ในยุคมัลติสกรีน ดังนั้นการมีช่องทางมากกว่าเดิม ก็ช่วยขยายโอกาสสร้างรายได้ และคาดว่าในไทยอีกไม่นานก็อาจมีการร่วมมือกันในลักษณะนี้ เพราะปัจจุบันมีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ต่างร่วมมือกับผู้ให้บริการ Video on Demand ทุกเจ้าแล้ว เพื่อเป็นอีกช่องทางรับชม และสร้างรายได้
อ้างอิง // AT&T Reaches Deal to Buy Time Warner for $85.4 Billion
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา