คนญี่ปุ่นก็คือคนญี่ปุ่น จะเป็น Netflix ก็สู้ไหว แพลตฟอร​์มโลคอลมั่นใจ รวมกันเราเป็นเบอร์ 1 ได้

เราอยู่ในยุคที่แพลตฟอร์มตัวใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้ากำลังครองโลก เช่น ถ้าเราพูดถึงสตรีมมิงระดับโลกก็ไม่พ้นต้องเป็น Netflix หรือ Disney+ แต่ที่น่าตั้งคำถามคือ เราสามารถจินตนาการออกไหมว่า ถ้าสตรีมมิงสัญชาติเอเชีย จะลุกขึ้นสู้ค่ายยักษ์ใหญ่จากฝั่งตะวันตกบ้าง มันจะเป็นไปได้หรือไม่ จะมีโอกาสชนะหรือเปล่า?

สตรีมมิง

‘U-Next’ คือแพลตฟอร์มสตรีมมิงของญี่ปุ่น ที่มีผู้ใช้งานราวๆ 4.5 ล้านคนในประเทศ แต่ก็ยังเป็นรองเจ้าใหญ่อย่าง ‘Netflix’ ซึ่งมียอดใช้งานถึง 10 ล้านคน

แม้ตัวเลขจะดูห่างกันมาก แต่ ‘Tenshin Tsutsumi’ ประธานบริษัท U-Next เชื่อว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิงท้องถิ่นจะสู้กับค่ายใหญ่ๆ ได้ ถ้าทุกเจ้าร่วมมือกัน

เมื่อเดือนกันยายน 2024 U-Next ได้จับมือกับ ‘Warner Bros. Discovery’ กลายเป็นบริษัทเดียวในญี่ปุ่นที่ถือสิทธิ์การฉายคอนเทนต์ของแพลตฟอร์ม ‘Max’ และหวังว่าจะหาซีรีส์ดีๆ จากเกาหลีใต้มาเติมพอร์ตโฟลิโอด้วย

Tsutsumi กล่าวว่า กลยุทธ์บริษัทคือการหาซีรีส์ที่ไม่ใช่ละครมาเพิ่มลงแพลตฟอร์ม เพราะ Netflix ยังไม่ค่อยมุ่งมาด้านนี้มากนัก

นอกจากนั้น U-Next กำลังมีแผนที่จะผลิตซีรีส์ออริจินัลเหมือนกับ Netflix ภายในปี 2028 ด้วย

อุตสาหกรรมคอนเทนต์กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของญี่ปุ่น

Anime

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมคอนเทนต์กลายเป็นหนึ่งในบริการส่งออกสำคัญของญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 1 ล้านล้านบาท เกือบเท่าการส่งออกชิป (1.2 ล้านล้านบาท) และเหล็ก (1.1 ล้านล้านบาท) เลย

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังขาดดุลการค้าในอุตสาหกรรมดิจิทัลอยู่ โดยคาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ราวๆ 1.3 ล้านล้านบาทในปี 2024 เนื่องจากพึ่งพาบริษัทต่างชาติหลายเจ้า เช่น Google, Amazon และ Microsoft 

แต่ Tsutsumi ยังมั่นใจว่า U-Next จะเป็นผู้เล่นสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงญี่ปุ่นได้ เพราะบริษัทเข้าใจวัฒนธรรมและการทำงานของวงการนี้ดี

ตลอดเวลาที่ผ่านมา U-Next พยายามพัฒนาคอนเทนต์ของตนเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย มังงะ เว็บตูน หรือการ์ตูนเด็ก 

ในปี 2024 นิยายของ U-Next เรื่อง ‘Two in the Dachi’ ก็ถูกเอาไปทำเป็นซีรีส์ จนได้กระแสตอบรับดีมาก และปีนี้เอง ทางบริษัทกำลังจะมีหนังสือการ์ตูนอีกเรื่องที่ถูกดัดแปลงเป็นซีรีส​์ เตรียมฉายเดือนมกราคม 2025

ตลาดสตรีมมิงทั่วเอเชียแปซิฟิกก็กำลังโต

ภาพจาก Shutterstock

ในปี 2023 ตลาดวิดีโอในเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าเกือบ 5 ล้านล้านบาท แต่ ‘Media Partners Asia’ คาดว่า อาจเติบโตถึง 5.7 ล้านล้านบาทในปี 2028 ด้วยแรงขับเคลื่อนจากจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย

ด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิงสัญชาติฮ่องกงอย่าง ‘Viu’ ก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขนาดที่ว่าในปี 2022 มียอดผู้ใช้งานมากกว่า Netflix เพราะคนสามารถเข้ามารับชมได้ฟรี แถมมีคอนเทนต์ท้องถิ่นด้วย

ในเดือนมิถุนายน 2024 Viu มีผู้ใช้งานพรีเมียมราวๆ 11.7 ล้านคน นับเป็นการเติบโตประมาณ 11% และยังนำเข้าคอนเทนต์ใหม่ๆ กว่า 110 เรื่องจากนานาประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน และไทย

ในขณะเดียวกัน ‘Tving’ แพลตฟอร์มสตรีมมิงของ ‘CJ ENM’ ค่ายบันเทิงเกาหลีใต้เจ้าใหญ่ ก็มีผู้ใช้งานต่อเดือนราวๆ 7.8 ล้านคน โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 บริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 55.6% จากปี 2023 เลย

เมื่อปี 2022 CJ ENM ได้จับมือกับ ‘Paramount Pictures’ เพื่อช่วยกันผลิตซีรีส์และภาพยนตร์ แถมยังได้รับอนุญาตให้ Tving เผยแพร่คอนเทนต์ของ Paramount ด้วย

แพลตฟอร์มสตรีมมิงของไทยยังไม่ถูกใจคนไทยเท่าไหร่

Netflix

สำหรับไทยแล้ว เราก็มีแพลตฟอร์มสตรีมมิงเป็นของตนเองเหมือนกัน เช่น TrueID และ AIS Play แต่จากข้อมูลโดย ‘YouGov’ คนไทยยังพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ 

YouGov รายงานว่า ในปี 2023 สัดส่วนผู้ใช้งานเรียงตามความนิยมคือ Netflix (35%), TrueID (22%), Disney+ Hotstar (13%), Viu (11%) และ WeTV (11%)

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูที่สัดส่วนความพึงพอใจการใช้งาน จะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิงของไทยยังไม่ค่อยถูกใจคนไทยเท่าไหร่ ดังนี้

  1. Netflix (88%)
  2. WeTV (81%)
  3. iQIYI (78%)
  4. Amazon Prime Video (78%)
  5. Disney+ Hotstar (77%)
  6. Apple TV+ (74%)
  7. TrueID (71%)
  8. AIS Play (69%)

หลังจากนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิงเอเชียจะสามารถเอาชนะค่ายเบอร์ 1 ของตะวันตกได้หรือไม่ และแพลตฟอร​์มไทยจะเอาชนะใจคนในประเทศได้เมื่อไหร่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป

ที่มา: Nikkei Asia / YouGov

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา