การเมืองทุบหนัก! Apple ระงับแผนใช้เมมโมรีชิปจาก YMTC ของจีนเพราะสหรัฐสั่งแบน

บริษัท Apple ระงับแผนใช้ชิปจากจีนแล้ว หลังจากสหรัฐอเมริกาควบคุมการส่งออกเพื่อต่อต้านภาคธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีจากจีน ซึ่งบริษัท Apple ได้ทำกระบวนการรับรองแฟลชเมมโมรี่ 128-layer 3D NAND สำหรับใช้ใน iPhone เสร็จสิ้นแล้ว หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่าจะควบคุมการส่งออกเพื่อต้านจีนมากขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องสั่นสะเทือนทันที

ban YMTC

แฟลชเมมโมรี่ NAND นี้คือส่วนประกอบสำคัญสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ว่าจะสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งก็ถือว่าก้าวหน้ามากสำหรับการผลิตชิปของจีน แม้จะยังตามหลังเจ้าตลาดยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ Micron อยู่บ้างก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัท Apple เพิ่งจะวางแผนว่าจะเริ่มใช้ทุนอุดหนุนจากรัฐบาลในการใช้ชิปจาก​ YMTC ของจีน (บริษัท Yangtze Memory Technologies Co.) ซึ่งมีราคาถูกกว่าท้องตลาดถึง 20% แต่ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ ทำให้ Apple ต้องเปลี่ยนใจ

สำหรับชิปของ YMTC รุ่นที่ว่านี้ Apple ได้รับรองแล้วเรียบร้อย แต่ยังไม่เข้าสู่ไลน์การผลิต ซึ่งชิปของ YMTC นี้เริ่มวางแผนให้ใช้กับ iPhone รุ่นที่ขายในตลาดจีนแล้ว อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวของ Nikkei ระบุว่า ทาง Apple เตรียมแผนที่จะจัดซื้อแฟลชเมมโมรี่ NAND เพิ่มอีก 40% ซึ่ง YMTC นี้ได้รับการอุดหนุนจากรัฐอีกที ทำให้ราคาแตกต่างจากตลาด แต่ก็ยังมีแหล่งข่าวอีกแห่งยืนยันว่าชิปจากบริษัทยังไม่ได้ถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลแต่อย่างใด

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ส ก็เพิ่งจะรายงานไปเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าบริษัทจีนที่สหรัฐอเมริกาไม่ให้การรับรองนั้นมีกว่า 30 แห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็นับรวม YMTC เข้าไปด้วย ถือเป็นบริษัทที่สหรัฐไม่ได้ตรวจสอบ ท่าทีเช่นนี้ของสหรัฐฯ ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายมากขึ้นเพราะถือเป็นคำสั่งที่ต้องการจะต้านการส่งออกเทคโนโลยีของจีนอย่างชัดเจน

บริษัท YMTC เพิ่งจะก่อตั้งในปี 2016 นี้เอง แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็มองว่าบริษัทนี้ถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงของบริษัทผลิตชิปสหรัฐ โดย YMTC นี้ถูกเพิ่มเข้าไปในลิสต์บริษัทที่ถูกแบนเพราะสหรัฐไม่สามารถตรวจเยี่ยมเพื่อตรวจสอบได้ ซึ่งบริษัทผลิตชิปของจีนแห่งนี้ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ถูกแบน บริษัทจีนอย่าง Wuxi Biologics ที่ผลิตส่วนประกอบสำคัญสำหรับวัคซีนต้านโควิดของ AstraZeneca ก็เพิ่งถูกปลดออกจากลิสต์แบนหลังจากให้มีการเข้าตรวจสอบเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ที่มา – Nikkei, Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา