ค้าปลีกในอเมริกาไปไม่ไหวขึ้นทุกวันๆ แม้แต่แบรนด์ค้าปลีกที่ทำกำไรสูงสุดในโลกอย่าง Apple ยังต้องถอย เพราะคนมาเดินห้างสรรพสินค้าน้อยลงทุกวัน แต่นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ Apple เพราะยอดขายไม่ได้พึ่งหน้าร้านมาก ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ค้าปลีกไปไม่ไหว แม้แต่แบรนด์กำไรสูงสุดยังถอย
อย่างที่รู้กันดีว่ากระแสค้าปลีกทยอยปิดตัวในปี 2017 นี้จะทำสถิติสูงสุดไปแล้ว แต่รู้ไหมว่า แบรนด์ Apple ที่เปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า และถือเป็นแบรนด์ค้าปลีกที่ทำกำไรสูงสุดในโลก โดยมีการศึกษาการตลาดบอกไว้เลยว่า ทำกำไรได้ 5,546 เหรียญ (180,000 บาท) ต่อตารางฟุต นอกจากนั้นร้าน Apple ในห้างสรรพสินค้ายังเป็นแบรนด์ที่เพิ่มยอดขายให้กับห้างสรรพสินค้าได้ถึง 10% อีกด้วย
แต่แม้ว่าจะทำกำไรได้มากขนาดนั้น (แถมช่วยยอดขายในห้างสรรพสินค้า) Apple ก็มองเห็นแนวโน้มของร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าที่กำลังร่วงลงเรื่อยๆ ล่าสุด ร้าน Apple ใน Simi Valley ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศปิดร้านในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยถือเป็นครั้งแรกของ Apple ที่ปิดหน้าร้านในห้างสรรพสินค้า
เหตุผลหลักๆ น่าจะมาจากยอดขายของห้างสรรพสินค้าใน Simi Valley Town Center ที่มีคนมาเดินน้อยลง และที่สำคัญค้าปลีกหลายรายก็ทยอยปิดตัวลงไปหลายรายแล้ว
อย่างไรก็ตาม Apple ได้ส่งแถลงการณ์ออกมาขอบคุณลูกค้าที่เคยเดินทางมาเยี่ยมชมร้านที่ Simi Valley พร้อมทั้งระบุว่า ถ้าเดินทางมาที่แคลิฟอร์เนีย และอยากเข้าร้านของ Apple ก็ให้ไปที่ Apple Topanga หรือ Apple The Oaks ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
แต่ทั้งนี้ การปิดร้านของ Apple ในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายโดยรวมแต่อย่างใด เพราะถ้านับดูยอดขายจากหน้าร้านแบบค้าปลีกทั้งหมดของ Apple นั้นคิดเป็นยอดขายเพียง 12% เท่านั้น
ที่มา – QUARTZ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา