การออกแบบบ้านยุคใหม่สไตล์ “เอพี” แนวดิ่ง – แนวราบ ต้องเชื่อมต่อทั้งเทคโนโลยี และธรรมชาติ

ถึงคนเมืองในปัจจุบันเริ่มให้ความสนใจ และขยับเข้าไปอยู่ที่พักอาศัยแนวดิ่ง เช่นคอนโดมีเนียมมากขึ้น แต่ความฝันของเกือบทุกคนก็ยังอยากอยู่ในบ้าน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ก็อยากดูแลทุกคนในครอบครัว ซึ่งบางครั้งการอยู่คอนโดฯ อาจไม่ตอบโจทย์ ซึ่ง เอพี มองเห็นจุดนี้ และเตรียมออกแบบบ้านเพื่อรองรับอนาคตของทุกคน

นำเทคโนโลยี – ธรรมชาติ ดึงดีมานด์คนอยากมีบ้าน

ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เล่าให้ฟังว่า โครงการทาวน์โฮมที่มีพื้นที่อยู่ในเมือง หรือต้องเชื่อมต่อทางด่วน, ทางลัด รวมถึงรถไฟฟ้า มีอยู่เพียง 3 โครงการในกรุงเทพ ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการนำที่ดินลักษณะนี้มาพัฒนาเป็นโครงการทาวน์โฮมจึงสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ แต่ตอนนี้แค่ที่ดินอาจดึงดีมานด์มาได้ไม่ทั้งหมด ต้องนำเทคโนโลยี และธรรมชาติเข้ามาผนวกกับการออกแบบ เพื่อรับกับการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้น

“เมื่อทุกคนตื่นมา สิ่งแรกที่หยิบก็คือสมาร์ทโฟน และสมาร์ทโฟนก็คือสิ่งสุดท้ายที่ใช้งานก่อนนอนเช่นกัน ดังนั้นทุกคนติดกับเทคโนโลยีมาก เอพีจึงต้องการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านทาวน์โฮมโครงการที่จะพัฒนาหลังจากนี้ เพื่อรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงแก้ปัญหาการใช้ชีวิตภายในบ้านได้ แต่แค่เทคโนโลยีอาจไม่พอ เพราะคนที่ทำงานอยู่ในเมือง เวลาไปสูดอากาศธรรมชาติก็น้อย ดังนั้นการพัฒนาโครงการให้มีต้นไม้ทั้งโดยรอบโครงการ และภายในทาวน์โฮมก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน”

ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)
ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)

ใช้ลูกค้าไฮเอนด์เป็นตัวช่วยสื่อสาร

ปัจจุบัน เอพี เป็นผู้นำในตลาดพรีเมี่ยมทาวน์โฮมทั้งในแง่จำนวน และการรับรู้ จึงตัดสินใจพัฒนาโครงการ บ้านกลางเมือง Classe (คลาสเซ่) ภายใต้คอนเซ็ปลักซูรี่วิลล่า 3 ชั้น ที่ใช้แนวคิดการออกแบบ Multiverse Layouts หรือการเชื่อมต่อระหว่างชั้น 1 – 2 – 3 เข้าด้วยกัน ผ่านการเปิดให้ผู้พักอาศัยเข้าสู่ภายในบ้านได้หลายช่องทาง ที่สำคัญยังมีสวนอยู่กลางบ้านเพื่อตอบโจทย์เรื่องความใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยโครงการนี้อยู่บริเวณถนนสุคนธสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท 156 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท/หลัง เปิดพรีเซลเดือนพ.ย.

ขณะเดียวกันบริษัทได้จัดทำ Digital Community หรือการเชื่อมต่อผู้พักอาศัยด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล จึงนำนวัตกรรมที่เกี่ยวกับ Smart Home ผ่านอุปกรณ์ Internet of Thing (IoT) ในรูปแบบต่างๆ เข้ามาติดตั้งในทาวน์โฮมที่อยู่ในโครงการ บ้านกลางเมือง Classe ทุกหลัง เช่นระบบเปิดประตูหน้าบ้านอัตโนมัติ และการควบคุมไฟแสงสว่างเมื่อตรวจพบผู้พักอาศัย นอกจากนี้ยังสั่งงานด้วยเสียง และทำผ่านแอปพลิเคชั่นควบคุมระบบได้ ถือเป็นครั้งแรกของการนำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมมาใช้กับทั้งโครงการ

โครงการ บ้านกลางเมือง Classe (คลาสเซ่)

ตลาดแนวราบยังบูมต่อเนื่อง

ภมร ย้ำว่า ภาพรวมตลาดอสังหาแนวราบยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สังเกตจากการเพิ่มขึ้นของโครงการต่างๆ ของหลากหลายบริษัท ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ที่สำคัญกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ต่างต้องการหาที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์ได้ทั้งการชีวิตประจำวัน และครอบครัว ดังนั้นใครออกแบบที่พักอาศัยแนวราบออกมาได้ตรงกับความต้องการผู้บริโภคจะเป็นผู้ชนะ ไม่ต้องแข่งขันในเรื่องราคา โดยรายได้ของบริษัทนั้นมาจากอสังหาแนวราบถึง 47% ที่เหลือเป็นแนวดิ่ง หรือคอนโด

สำหรับ เอพี ปัจจุบันทำตลาดกลุ่มที่พักอาศัยแนวราบตั้งแต่ราคา 2 – มากกว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด 2 แบรนด์ กับบ้านเดี่ยว 5 แบรนด์ และโครงการที่จะเปิดในปีถัดไปจะเน้นการปรับกระบวนความคิดในการกออกแบบ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่ง ส่วนใน 4 เดือนสุดท้าย เมื่อปัจจัยบวกยังมีมากกว่า ทำให้ 14,500 ล้านบาทที่เป็นเป้ารายได้ปีนี้ถึงแน่นอน เพราะปัจจุบันทำได้แล้ว 6,550 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่พักอาศัยแนวราบ
ภาพรวมตลาดที่พักอาศัยแนวราบ

สรุป

เมื่อที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิต ดังนั้นความต้องการซื้อก็คงลดลงได้ยาก แต่การจะดึงดูดให้ผู้บริโภคซื้อบ้านแบบไหนน่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของทีมขาย ซึ่งการนำนวัตกรรมใหม่มาช่วยก็เป็นอีกทางออก แต่คงตอบโจทย์ไม่ได้ทั้งหมด คงต้องดูกันยาวๆ ว่ารายอื่นจะนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาติดตั้งภายในโครงการต่างๆ หรือไม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา