เอ.พี. ฮอนด้า เผยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลง เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว ภัยแล้งต่อเนื่อง

เอ.พี. ฮอนด้า แถลงนโยบายประจำปี 2020 เน้นการปรับธุรกิจเพื่อให้เข้ากับยุคของการเปลี่ยนแปลง (Age of Disruption) พร้อมเปิดเผยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รวมของทั้งตลาดปี 2019 ลดลง 3% เหตุจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว, ภัยแล้ง และค่าเงินบาทที่แข็งตัว ส่อปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปี 2020 เหตุขาดปัจจัยบวก ภัยแล้งหนักสุดในรอบ 60 ปี

เอ.พี. ฮอนด้า ครองตำแหน่งผู้นำตลาดเป็นปีที่ 31 ติดต่อกัน

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนที่ 1.74 ล้านคัน ปรับตัวลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1.37 ล้านคัน ปรับตัวลดลง 2% ปรับตัวต่ำกว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์ไทยเล็กน้อย จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้ เอ.พี. ฮอนด้า ยังคงครองตำแหน่งยอดจำหน่ายสูงสุด 31 ปีติดต่อกัน

“ปีที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รวมของตลาดลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา คนชะลอการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ เลือกที่จะใช้ของเดิมนานขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น รวมไปถึงภัยธรรมชาติต่างๆ ที่ส่งผลต่อการทำการเกษตร”

สำหรับในปี 2020 คาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะมีตัวเลขอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน โดยทางฮอนด้าตั้งเป้าหมายการจำหน่ายไว้ที่ 1.35 ล้านคัน ซึ่งปรับลดลงอีกเล็กน้อย อันเนื่องมาจากไทยยังขาดปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ ไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคเศรษฐกิจในไทย ภัยแล้งที่หนักที่สุดในรอบ 60 ปี ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ซึ่งทางเราได้ประเมินสถานการณ์ทุกๆ ไตรมาส ซึ่งเรามีแผนรองรับไว้แล้ว ทั้งเรื่องการกระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชั่นต่างๆ รวมไปถึงการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนตลาดรถ Bigbike โดยรวมทั้งหมดปีที่ผ่านมา มีประมาณ 30,000 คัน โดย เอ.พี. ฮอนด้า มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 17,000 คัน (นับเฉพาะรถ Big bike เครื่องยนต์เกิน 500 ซีซี ขึ้นไป) เมื่อเทียบกับยอดจดทะเบียนปีที่ผ่านมา ถือว่าทรงตัว แต่จากการประเมิณภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ ยอดจดทะเบียนอาจจะทรงตัว หรือแย่กว่านั้นจะถดทอยลงเล็กน้อย ซึ่งเราเองก็เชื่อมั่นว่า ปี 2020 ทาง เอ.พี. ฮอนด้า มีสินค้าที่จะเปิดตัวและจำหน่ายมากพอที่จะเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้ จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก

เมินตลาดรถจักรยานยนต์ EV เหตุยังไม่คุ้มค่าในขณะนี้

เอ.พี. ฮอนด้า ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนาระบบ EV Sharing ผ่านแอพพลิเคชั่นที่สามารถแบ่งปัน PCX EV Electric โดยมี PCX Electric Smart Station เป็นฮับในการชาร์จพลังงาน และในปีนี้เรากำลังจะพัฒนาฟังก์ชันการสลับแบตเตอรี่หรือ Battery Swapping อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับโปรเจค PCX EV Electric ที่ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยฯ นั้น เป็นโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ ที่จะพัฒนาโครงการให้สามารถผลิตรถ EV ในราคาย่อมเยา ซึ่งเราพบว่าปัจจัยหลักที่ยังไม่สามารถพัฒนาบริการต่างๆ ไปยังผู้บริโภคได้ คือต้นทุนราคาแบตเตอรี่ที่สามารถถอดสลับใช้งานได้ยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงในขณะนี้ จึงทำให้ยังไม่มีแผนการผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดในเร็วๆ วันนี้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาครัฐไม่นโยบายหรือมาตรการสนับสนุนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นการจะผลักดันตลาดจึงเป็นเรื่องยาก

ปรับเปลี่ยนธุรกิจรองรับ Age of Disruption เน้น 3 แกนหลักธุรกิจปี 2020

จากปัจจัยต่างๆ ของสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เราจึงได้วางแนวทางปรับตัวการทำธุรกิจเพื่อให้เข้ากับยุคของการเปลี่ยนแปลงหรือ Age of Disruption ซึ่งเทคโนโลยีและการบริการแบบ personalized ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก โดยทาง เอ.พี. ฮอนด้าได้วางแนวทางที่สำคัญไว้ 3 เรื่องดังต่อไปนี้”

1. New Product Development การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยแบ่งการพัฒนาสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ รถจักรยานยนต์ที่ใช้สำหรับชีวิตประจำวัน เหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว, รถจักรยานยนต์ที่พัฒนาเพื่อการใช้งานตามความสนใจส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ที่แสดงสถานะทางสังคม

2. Customer Touchpoint Optimization การพัฒนาทัชพอยท์กับลูกค้า ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายจากเครือข่าย Honda Wing Center ซึ่งกำลังจะยกระดับสู่การเป็น Bikers’ Solution ของทศวรรษ 2020s สร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นจนเกิดเป็นแบรนด์ลอยัลตี้ (Brand Loyalty)

3. Corporate Social Responsibility as the Market Leader การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจรถจักรยานยนต์ โดยประเด็นหลักที่ เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ลูกค้าได้รับความสนุกจากการขับขี่ พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้วิธีขับขี่อย่างปลอดภัย และเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนที่ดีของสังคม เช่นเดียวกับการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมด้านอื่นๆ อาทิ กิจกรรมวิ่ง 31 ขาสามัคคี และโครงการสังคมหัวแข็ง เป็นต้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

คนไอที อยู่วงการเทเลคอมมาร่วม 20 ปี ผันตัวมาทำสิ่งใหม่ๆ แล้วก็เริ่มสนุกกับมัน!