“Thank You Kateyki” จริงๆ แล้วทำอาชีพอะไรกันแน่?
หลายๆ คนคงเคยเห็นคลิปสุดไวรัลของ ‘ออน-สมฤทัย รัตนวราห’ อินฟลูเอนเซอร์ยอดฟอลกว่า 6 ล้านคนบน TikTok ที่มีผลงานเด็ดๆ ไม่ว่าจะเป็น ประโยคติดหูอย่าง “Thank You Kateyki”, คลิปไวรัลช็อปปิงแบรนด์เนมยอดวิวกว่า 90 ล้าน, ผลงานการแสดง, ผลงานเพลง รวมถึงคอนเทนต์ร่วมกับแบรนด์ดังและเซเลบริตี้ระดับโลกต่างๆ อาทิ KFC, ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ แจ็คสัน หวัง
เรียกได้ว่าเธอทำมาหลายอย่างสุดๆ แต่รู้หรือไม่ จริงๆ แล้ว ออน สมฤทัย มีอีกหนึ่งบทบาทที่คุณอาจยังไม่รู้ และนั่นก็คือการเป็นเจ้าของธุรกิจ ‘ร้านซื้อขายแบรนด์เนม’ ในชื่อว่า ‘Perrine Porter’
เรื่องราวจะเป็นยังไง เดี๋ยว Brand Inside พาทุกคนไปรู้จักกัน
เพื่อนสนิทแบรนด์เนม ต้อง Perrine Porter

จุดเริ่มต้นของ Perrine Porter มาจากการชอบใส่เสื้อผ้าสวยๆ ตั้งแต่เด็กของออน และพอโตมา เธอก็บอกว่า ตนเริ่มมีจริตมากขึ้น เริ่มชอบแบรนด์เนม เพราะใส่แล้ว ทำให้ลุคธรรมดาๆ ดูมีแบรนด์ดิ้ง จึงเกิดเป็นความสนใจในการทำธุรกิจนี้ ประกอบกับโชคดีด้วยที่จับถูกทาง เลยทำมาได้ยาวๆ
“เราทำอะไร เราทำแบบมีแพสชัน การที่เราทำธุรกิจแบบมีแพสชัน แล้วแพสชันของเราทำเงินได้ เราก็ยินดี เราก็เลยถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ Perrine Porter ให้มันเป็นตัวเรามากที่สุด” ออนกล่าว
ออนเล่าว่า จุดมุ่งหมายของ Perrine Porter คือการทำให้คนรู้สึกว่า การซื้อขายแบรนด์เนมเป็นเรื่องแบบฟีลๆ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เน้นฟีล และต้องได้รับการแนะนำที่ถูกต้อง จากร้านค้าที่รู้จริง
ด้วยเหตุนี้ Perrine Porter จึงเป็นร้านที่มีระบบการทำงานชัดเจน เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่มาฝากขาย หรือลูกค้าที่เข้ามาซื้อ
นอกจากนั้น ออนยังตั้งสโลแกนร้านว่า “เพื่อนสนิทแบรนด์เนมต้อง Perrine Porter” โดยถ้าย้อนไปตั้งแต่ตอนเปิดร้านแรกๆ ออนก็ตั้งเป้าไว้เลยว่า ทุกอย่างที่ออกไป จะต้องสะท้อนรสนิยมของเธอเอง เพื่อดึงดูดคนที่คล้ายๆ กันเข้ามา ทำให้ลูกค้าหลายๆ ท่านเปรียบเสมือนเพื่อน
คนที่มีเป้าหมายชัดเจนน่ากลัวกว่าคนเก่ง

เชื่อหรือไม่? เห็นออนบุคลิกดูร่าเริงลั้ลลาแบบนี้ จริงๆ แล้ว เธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง และมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เด็ก
ย้อนกลับไปสมัยมัธยม ออนพูดเองว่า เธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมาก ไม่สนอะไรเลย ในขณะที่คุณพ่อเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด
แต่แล้ววันหนึ่ง คุณพ่อไปรับเธอที่โรงเรียนและบอกว่า “น้องออนเปลี่ยนไปนะ” ซึ่งประโยคนั้นประโยคเดียวนั่นล่ะที่ทำให้เธอฉุกคิดได้ว่า ตนเองกำลังทำให้พ่อผิดหวังหรือเปล่า
พอปิดเทอมขึ้นมา จากเดิมที่มักออกไปเที่ยวเล่นหรือเรียนพิเศษกับเพื่อนๆ ออนตัดสินใจที่จะขลุกตัวอยู่ในห้องยาวนานถึงสามเดือน เพื่อวางแผนชีวิตว่าตนเองควรทำอะไรต่อไป และสุดท้าย ออนจึงเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 17 ปี ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายครีม
พอย่างเข้าวัย 18 ปี ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ออนสัญญากับคุณพ่อว่า จะส่งตัวเองเรียน รวมถึงจะส่งเงินให้พ่อเดือนละหมื่นด้วย ซึ่งเอาจริงๆ ณ ตอนนั้น เธอไม่รู้หรอกว่าจะทำสำเร็จไหม แต่ขอเอาสัจจะมาค้ำไว้ก่อน พร้อมเชื่อว่า เมื่อคนเรามีเป้าหมาย ก็ย่อมหาทางเดินต่อไปได้
แน่นอนว่า สุดท้าย ออนสามารถทำตามคำพูดที่ลั่นไว้ได้จริงๆ เพราะเธอเชื่อว่า
“คีย์ของคนประสบความสำเร็จทุกคนคือ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ออนว่า การมีเป้าหมายที่ชัดเจน สำคัญและน่ากลัวกว่าคนเก่ง เมื่อเรามีเป้าหมายว่าเราอยากจะมีชีวิตแบบนี้ ฐานะแบบนี้ หรือเราอยากจะไปอยู่ตรงนี้ เราก็จะทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณของมนุษย์ว่า อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เราไปถึงโกลตรงนั้นได้”
ในส่วนของปัจจุบัน กว่าจะเป็น Perrine Porter ได้ คนอาจสงสัยว่า แล้วออนเอาต้นทุนจากไหนมาซื้อแบรนด์เนมแพงๆ?
ออนให้คำตอบว่า ตนเองโชคดี เนื่องจากมีลูกค้า VIP หลายๆ ท่าน ไว้ใจมาฝากขาย โดยอนุญาตให้เธอค่อยจ่ายเงินให้พวกเขาหลังขายออก ทำให้เธอไม่ได้รับซื้อเองทั้งหมดตั้งแต่แรก
ออนมองว่า วิธีนี้ก็เป็นแนวทางที่ยุติธรรมกับทุกฝ่ายดี ทั้งตัวร้านเธอเอง รวมถึงลูกค้าต้นทางและปลายทางด้วย
แบรนด์เนมขายได้เรื่อยๆ เพราะเป็นเครื่องบ่งบอกความสำเร็จ

บางคนอาจสงสัยว่าแล้วธุรกิจซื้อขายแบรนด์เนมนั้นจะไปได้ดีแค่ไหน ราคาก็แพง คนไทยยังมีกำลังซื้อจริงหรือ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สินค้าแบรนด์เนมมีราคาสูงก็จริง แต่น่าสนใจไหมว่า ทำไมถึงยังมีคนซื้ออยู่เรื่อยๆ?
ออน สมฤทัย มองว่า สินค้าแบรนด์เนมเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความสำเร็จและแบรนด์ดิ้งของผู้สวมใส่ ไม่ต่างจากการซื้อบ้านหรือซื้อรถ
ออนเผยว่า คนเรามองกันที่ภายนอกก่อน และไม่มีใครมองเห็นถึงจิตใจได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เพราะฉะนั้น รูปลักษณ์ การแต่งกาย รวมถึงการใช้แบรนด์เนม จะสามารถทำให้ลุคของคนเราเปลี่ยนไป
ที่สำคัญ ในยุคนี้คนยอมรับการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 มากขึ้นแล้ว เพราะแบรนด์ต่างๆ ก็ทยอยออกสินค้ามือ 1 กันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้หลายๆ คนตัดสินใจเอาของเก่ามาปล่อย เพื่อเอาเงินไปซื้อของใหม่แทน
ทั้งนี้ ออนเชื่อว่า การมีแบรนด์เนมนั้นเป็นเรื่องของแพสชัน ซึ่งหมายถึงต้องใช้ความมุ่งมั่น ถึงจะได้มันมา และถ้าปัจจุบันยังเอื้อมไม่ถึง ก็ไม่อยากสนับสนุนให้ซื้อ แต่ขอให้เก็บเงิน หรือค่อยๆ สร้างความมั่งคั่งให้ตนเองไปเรื่อยๆ ก่อน
บทความหน้า Brand Inside จะพาทุกคนไปรู้จักกับธุรกิจไทยเจ้าไหนอีก รอติดตามกันได้เลย
- รู้จัก SOURI มาการอง 3 พี่น้อง สู่ 23 สาขาและแผนไปทั่วประเทศ
- สกินแคร์ไทยรายได้พันล้าน CEO Her Hyness เล่าคนไทยรุ่นใหม่ เปิดใจใช้ ‘ของไทย’ มากกว่ารุ่นก่อน
ที่มา: Thailand e-Commerce Expo 2024
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา