หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว อัลฟอนโซ่ อัลบายซ่า รองประธานอาวุโสส่วนงานออกแบบทั่วโลกของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อบรรยายในหัวข้อ “การออกแบบยานยนต์ในปัจจุบันและแนวทางแห่งอนาคตของการสร้างสรรค์ยานยนต์เพื่อการขับเคลื่อนสู่อนาคต”
รอบนี้ถึงคิวของ อันตวน บาร์เตส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย Brand Inside ได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังบรรยายกับนิสิตภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลยขอเก็บตกประเด็นและวิสัยทัศน์ถึงอนาคตของรถยนต์จากทางค่าย Nissan มาฝากกัน
“เรามีคลังความรู้เรื่องนี้ดีที่สุดในตลาด” | Nissan เดินหน้าเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ
“อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน นี่คือช่วงแห่งการปฏิวัติวงการ สิ่งที่ Nissan ต้องการไปให้ถึงคือการสร้างรถยนต์ที่ปลอดภัยสูงสุด แต่ในขณะเดียวกันต้องตอบสนองความต้องการของทุกคนด้วย”
อันตวน เปิดการบรรยายด้วยคำพูดที่แสดงถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท พร้อมกันนั้นเน้นย้ำว่า ในช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านของวงการรถยนต์ทั่วโลก “รถยนต์ไฟฟ้า” คือสิ่งที่ Nissan ให้ความสำคัญอย่างมาก
“Nissan มีคลังความรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าดีที่สุดในตลาด และเรากำลังได้เปรียบบริษัทรถยนต์รายอื่นๆ ในขณะนี้”
อันตวน บอกว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Nissan Leaf (ที่กำลังจะมาไทยในปีงบประมาณ 2018) ของบริษัท คือสิ่งสำคัญที่ทำให้นิสสันก้าวหน้ามากกว่าคู่แข่งในตลาด เพราะถ้าไปดูยอดขายที่มากกว่า 300,000 คันทั่วโลก เป็นเบอร์ 1 ของโลก คิดง่ายๆ คือ 1 ใน 4 ของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเป็นของแบรนด์นิสสันนั่นเอง
อันตวน พูดถึงหลักการ 3 ข้อในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ Nissan มีดังนี้
- Intelligent Power : เป็นเรื่องของพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่จำเป็นต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เรื่องประสิทธิภาพต้องไม่เป็นรองใคร อันตวน ให้ข้อมูลว่า แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใน Nissan Leaf ที่ทำการทดสอบตามมาตรฐานญี่ปุ่นขณะนี้สามารถวิ่งได้ไกลมากกว่า 400 กิโลเมตรแล้ว
- Intelligent Driving : สิ่งที่นิสสันต้องการนำเสนอพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (ซึ่งในท้ายที่สุดก็คือการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ) นั่นคือระบบการขับขี่อัตโนมัติ ของนิสสัน ที่ในขณะนี้มีเทคโนโลยีอย่าง ProPILOT มาช่วยในการขับขี่อัตโนมติในช่องจราจรเดียว สามารถรักษาตำแหน่งการจราจร กำหนดความเร็วล่วงหน้าได้ และเบรกแบบอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังมี ProPILOT Park ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยเหลือในการจอดรถแบบอัตโนมัติ และ e-Pedal นวัตกรรมใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าค่ายนิสสันที่ทำให้การเร่งหรือลดความเร็วรถยนต์ง่ายขึ้นด้วยแป้นเดียว
- Intelligent Integration : ส่วนนี้คือการผสมผสานและบูรณาการให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัล หรือไกลไปถึงขั้นที่แบตเตอรี่ไฟฟ้าสามารถสะสมพลังงาน และนำเอาไปใช้ในที่พักอาศัยได้ ซึ่งในส่วนนี้ อันตวน บอกว่า แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf ทำได้แล้ว แต่ในอนาคตจะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นไปอีก จนถึงขั้นที่เมื่อขับขี่หรือจอดรถยนต์ไฟฟ้าไว้ตอนกลางวัน ตัวรถจะสามารถสะสมพลังงานไฟฟ้าจนเพียงพอต่อการนำมาใช้งานในบ้านช่วงเวลากลางคืน
เป้าหมายของ Nissan คือสร้างยานพาหนะที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด (ไม่ใช่งานง่าย)
สิ่งที่ อันตวน ย้ำว่าเป็นเป้าหมายของ Nissan คือความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการขับขี่ยานพาหนะ พร้อมทั้งบอกว่า การจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle)
“แน่นอนว่า รถยนต์ไร้คนขับเป็นส่วนหนึ่งที่จะพาบริษัทไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ นั่นก็คือความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการขับขี่ยานพาหนะ”
พูดง่าย แต่ทำไม่ง่าย ถ้าพูดถึงในฝั่งยุโรป ยังพอมองเห็นความเป็นไปได้ เพราะในยุโรปหลายประเทศมีนโยบายชัดว่าจะมุ่งหน้าไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ยกตัวอย่างเช่น มีหลายข้อมูลคาดการณ์ว่า ภายใน 20 ปีหลังจากนี้ ในยุโรปจะมีเพียงรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นพื้นฐานในการพัฒนาไปสู่รถยนต์ไร้คนขับในอนาคต แต่อย่างไรก็ดี การจะไปถึงจุดนั้นต้องอาศัยทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม เทคโนโลยีที่รองรับ และตัวบทกฎหมายจากภาครัฐ
ทีนี้ ถ้าพูดถึงตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเฉพาะเจาะจงมาที่ประเทศไทย อันตวน ระบุว่า ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก
“ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย อุปสรรคใหญ่ต่อการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า-ไร้คนขับคือระเบียบการจราจร ผมคิดว่าประเทศไทยไม่มีเลนรถยนต์ด้วยซ้ำ ยังไม่พักต้องพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งบนถนน สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมาก”
แม้จะเป็นอุปสรรค แต่สำหรับ Nissan มองว่านี่คือความแตกต่างหลากหลายของแต่ละประเทศ “ประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาก็มีโจทย์ที่แตกต่างกัน” นี่คือสิ่งที่ Nissan ต้องศึกษาและทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
ก่อนจะจบการบรรยาย อันตวน ตอบคำถามเรื่องคู่แข่งในตลาดไว้น่าสนใจว่า “จริงอยู่ที่ในตลาดตอนนี้ มีหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับอย่างเข้มข้น แต่สำหรับ Nissan เอง เราเชื่อมั่นว่า เรากำลังนำหน้าตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ หรือยอดขายที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ และเอาเข้าจริงๆ ถือเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ในตลาดมีคู่แข่งหลายราย เพราะถ้าเราทำคนเดียว สินค้าที่ออกมาก็จะดีที่สุดในสายตาของเราเพียงคนเดียว แต่ถ้ามีคู่แข่ง เราก็จะทำสินค้าให้ดีที่สุดในสายตาของตลาด ผมเลยคิดว่า นี่คือข่าวดีที่เรามีคู่แข่ง”
ทั้งหมดนี้ คือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารนิสสันต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตอันใกล้ของไทย แต่ถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่เราต้องจับตามองสำหรับค่ายนี้ คือการที่จะนำเอารถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf เข้ามาในไทยภายในปีงบประมาณหน้า คงต้องติดตามดูกันว่า จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยและภูมิภาคนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา