กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับการนำ iPad หรือแท็บเลตมาช่วยปิดการขายคอนโดมีเนียม รวมถึงที่พักอาศัยรูปแบบอื่น แต่จริงๆ แล้ว การนำดิจิทัลมายกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังทำได้อีกหลายรูปแบบ และหนึ่งในผู้เล่นที่ขยับตัวแล้วคือ อนันดา ลองมาศึกษาว่า ผู้นำในตลาดคอนโดรายนี้นำดิจิทัลมาปรับใช้อย่างไรบ้าง
ยกระดับสู่การจองผ่านออนไลน์
ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บอกว่า เมื่อกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่เป็นคนใช้ชีวิตในเมือง ต่างเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ ทำให้ถ้าอยากใกล้ชิดกลุ่มลูกค้ามากขึ้น จำเป็นต้องนำเรื่องดิจิทัลเข้ามายกระดับเรื่องต่างๆ ทั้งการติดต่อกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการทำให้ที่พักอาศัยเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ โดยมีฐานเรื่องการตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง ผ่านคอนโดมีเนียมที่อยู่ใกล้ขนส่งมวลชล โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่เป็นจุดเด่นของบริษัท
และในช่วง 22 ก.ย. อนันดา ได้สร้างระบบจองห้องชุดผ่านออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สนใจใน 2 โครงการคือ Ideo Mobi Asoke เริ่ม 4.36 ล้านบาท และ Venio Sukhumvit 10 เริ่ม 3.49 ล้านบาท แต่ด้วยความไม่พร้อม และมีผู้สนใจจองผ่านออนไลน์จำนวนมาก ทำให้ระบบนั้นล่ม และไม่สามารถให้บริการได้ แต่จุดนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการจองห้องชุดผ่านออนไลน์ ดังนั้นในครั้งต่อไปบริษัทจะพัฒนาระบบให้รองรับผู้บริโภคได้มากขึ้น และเตรียมเปิดให้บริการอีกครั้งเร็วๆ นี้
ไม่ใช่แค่คอนเซ็ป ต้องจับต้องได้จริง
“การเปิดจองห้องชุดผ่านระบบออนไลน์หลังจากนี้จะใช้วิธีเลือกเป็นชั้นๆ ไม่ได้เปิดจองพร้อมกันทั้งโครงการ แต่การจองผ่านออนไลน์จะมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อจูงใจผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้นำดิจิทัลมาใช้แค่ออนไลน์ เพราะการสื่อสารข้อมูลไปยังผู้บริโภคก็ใช้วิธีนี้ รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาติดตั้งในโครงการเพื่อยกระดับการใช้ชีวิต เช่นการติดตั้งระบบ Smart Security เพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีผู้บุกรุกผ่านสมาร์ทโฟน ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแรกๆ ที่นำเรื่อง Internet of Things (IoT) เข้ามาพัฒนาในโครงการ”
อย่างไรก็ตาม อนันดา มีแผนตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุน Property Tech ในประเทศไทย โดยจะประกาศเชิญชวนสตาร์ทอัพที่สนใจพัฒนา Property Tech ให้เข้ามาพิจารณาในช่วงเดือนพ.ย. โดยลักษณะโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะยังอยู่ระหว่างเตรียมการ แต่ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยพัฒนา Prorperty Tech ในประเทศไทย โดยเฉพาะ เทคโนโลยี IoT ให้เกิดขึ้นโดยคนไทย เพราะปัจจุบันระบบส่วนใหญ่ยังทำงานผ่านอุปกรณ์ และแนวคิดจากต่างประเทศ
เดินเกมคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสร้างรายได้
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนส.ค. อนันดา เปิดตัวคอนโดมีเนียม 3 โครงการ มูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท ประกอบด้วย Ideo ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์, Unio สุขุมวิท 72 และ Unio พระรามสอง – ท่าข้าม และปลายปีนี้จะมีการเปิดคอนโดมีเนียมอีก 6 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท จาก 10 โครงการ และใน 8 เดือนแรกของปีทำได้แล้ว 11,300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเซ็นสัญญาร่วมทุนกับ มิตซุย ฟูโดซัง ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น 3 โครงการในเบื้องต้น รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
“อนันดาคือ Urban Living Solution ดังนั้นการแก้ปัญหาให้กับผู้พักอาศัยภายในเมืองจึงสำคัญที่สุด และมั่นใจว่ากำลังซื้อคอนโดมีเนียมที่ติดรถไฟฟ้ายังเหลืออยู่ และเราก็มีหลายโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ทุกระดับราคา ส่วนเรื่องหนี้ครัวเรือนนั้น มองว่าตอนนี้ก็ปรับลงบ้างแล้ว ทำให้กำลังซื้อน่าจะกลับมาด้วย ในทางกลับกันถ้ามองเรื่องรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนตัวคิดว่าเหมือนถนนที่ไม่ได้เชื่อมกับถนนอื่น ดังนั้นยอดขายคอนโดมีเนียมที่ใกล้สายสีม่วงก็มีชะลอตัวบ้าง และรัฐบาลก็ควรมีแท็คติกในการนำมาตรา 44 มาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย”
สรุป
Smart Home Solution ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับที่พักอาศัยในอนาคต เพราะเมื่อทุกคนมีสมาร์ทดีไวซ์ การนำอุปกรณ์ต่างๆ ไปติดตั้งภายในบ้านเพื่อแจ้งเตือน หรือรายงาน ก็น่าจะยกระดับคุณภาพชีวิตได้ไม่น้อย แต่ถ้าอยากเริ่มต้น การมีกองทุนเหมือนกับที่กลุ่มธนาคารตั้งมาสนับสนุน Fin Tech ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้คนในวงการนี้ตื่นตัวอย่างรวดเร็ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา