ทางรอดของ Huawei หลังจากนี้ คือการพึ่งพาบริษัทจีนด้วยกันเองให้มากขึ้น ?
ผลกระทบใหญ่หลังกรณี Huawei คือสูญเสียความเชื่อมั่นในแบรนด์
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศคำสั่ง ห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันใช้อุปกรณ์สื่อสารของต่างชาติที่ “อาจ” เป็นภัยความมั่นคง ส่งผลให้อนาคตของ Huawei ไม่สดใสนัก เพราะหนึ่งในผลกระทบใหญ่คือระบบปฏิบัติการ Android บนมือถือที่จะได้รับผลกระทบในไม่ช้า และที่สำคัญการถูกแบนในครั้งนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตั้งแต่ราคารับซื้อมือถือที่ลดลงอย่างมากในอังกฤษ หรืออย่างล่าสุดที่มีข่าวลือซึ่งระบุว่า Huawei มียอดขายตกลงมาก จนบริษัทรับจ้างผลิตมือถืออย่าง Foxconn ต้องหยุดไลน์ผลิตบางส่วนไปแล้ว
สงครามครั้งนี้เป็นหนึ่งในภาพใหญ่ของ “สงครามการค้า” และ “สงครามเย็นไอที” ที่เรียกได้ว่าเปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วในปี 2019 Brand Inside ชวนอ่านบทความ ทำความเข้าใจเรื่องกรณี กูเกิล แบนการทำธุรกิจกับ หัวเว่ย และเรื่องราวหลังจากนี้ที่จะเกิดขึ้น
- ล่าสุด Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก TF International Securities (คนนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการ supply chain ฮาร์ดแวร์ในอาเซียนและจีนเบอร์ต้นๆ) บอกว่า “หลังจากที่ Huawei ถูกแบนจากสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ หาก Huawei ไม่สามารถส่งสินค้ามาได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ Huawei สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ และนี่คือผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้นับจากนี้”
Kuo มองว่า “แบรนด์ที่จะได้ผลประโยชน์มากที่สุดจากการที่ Huawei ถูกแบนในครั้งนี้คือ Samsung (โดยเฉพาะตลาดนอกประเทศจีน) ส่วนแบรนด์ที่จะได้ผลประโยชน์ตามมาคือ Apple” อย่างไรก็ตาม ถ้าย้อนไปดูข่าวก่อนหน้านี้ หลังจากที่ Huawei ถูกแบนโดยสหรัฐฯ เพียงไม่นาน หุ้นของ Samsung ก็เพิ่มขึ้นทันที 4.3%
- นักวิเคราะห์รายนี้ บอกว่า ทางรอดของ Huawei หลังจากนี้จึงไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากต้องพึ่งพาบริษัทจีนด้วยกันให้มากขึ้น เพราะหาก Huawei ยังไม่สามารถหาซอฟต์แวร์มาทดแทนของ Google ได้ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน การถูกแบนในครั้งนี้จะส่งผลให้การส่งสินค้าสมาร์ทโฟนของ Huawei ลดลงไปถึง 8-10 ล้านเครื่องต่อเดือน (Huawei ส่งสมาร์ทโฟนลงสู่ตลาดกว่า 200 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมา) ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากในแง่ผลกระทบของ Huawei
ดังนั้นชัดเจนว่า ในช่วงหลังมานี้เราจึงได้เห็นการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Hongmeng OS ของ Huawei ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเสร็จสิ้นแล้ว รวมถึงประกาศว่า จะเริ่มใช้งานจริงในจีนปีนี้ และจะเริ่มขายไปทั่วโลกในปีหน้า 2020
อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้วการพึ่งพาบริษัทจีนให้มากขึ้น หรืออาจจะใช้บริษัทจีนด้วยกันเองทั้งหมดในทุกขั้นตอนของ Huawei ยังคงมีคำถามใหญ่ที่เกิดขึ้นคือ จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนหรือจะเป็นจริงได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องติดตาม
ที่มา – CNBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา