เปิดแผนธุรกิจ Amway กับการเติบโตท่ามกลางกระแส Gig Economy ในประเทศไทย

Gig Economy หรือการทำงานอย่างอิสระตามแพลตฟอร์มให้บริการต่างๆ เริ่มมีจำนวนมากขึ้นทั้งในระดับโลกรวมถึงในประเทศไทย แล้วธุรกิจขายตรงอย่าง Amway จะฝ่าฟันกระแสนี้อย่างไร เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

เมื่อทางเลือกอาชีพมากขึ้น Amway ก็ต้องปรับตัว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Amway คือหนึ่งในธุรกิจเครือข่าย หรือ Multi-level Marketing (MLM) อันดับต้นของโลก และด้วยอาชีพนักธุรกิจแอมเวย์ ก็มีความอิสระคล้ายกับ Gig Economy ที่คนรุ่นใหม่นิยมไปทำกัน เช่น ขับ Grab หรือรับงาน Freelance รูปแบบต่างๆ ซึ่งในอดีตงานลักษณะนี้ไม่ได้มีให้เลือกมากเหมือนในปัจจุบัน

“สมัยก่อนเราอาจมองว่าธุรกิจขายตรงอาจเป็นอีกทางเลือกที่สร้างรายได้นอกจากการเป็นพนักงานประจำ แต่ตอนนี้อาชีพที่มีความอิสระเหมือนกับขายตรงก็มีมากขึ้น ทำให้เราต้องปรับตัวเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอาชีพที่มีความอิสระสูง” กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

amway

ตัวอย่างที่ Amway ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับ Gig Economy คือการสร้าง CORE PLUS+ โปรแกรมเงินรางวัลพิเศษที่ทำให้นักธุรกิจแอมเวย์ สามารถสร้างรายได้ได้เร็วขึ้น และมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวนอกจากช่วยรับมือกระแส Gig Economy ได้แล้ว ยังช่วยเสริมให้นักธุรกิจแอมเวย์ สร้างเครือข่ายผู้บริโภคอย่างยั่งยืนด้วย

Gig Economy ได้เป็นครั้ง แต่ Amway ได้ในระยะยาว

“หากเปรียบเทียบ Gig Economy กับการเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือ การทำ Gig Economy จะได้เงินเป็นครั้งๆ แล้วแต่ความขยัน แต่การเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ ช่วงแรกอาจจะได้ไม่เท่ากับ Gig Economy แต่มันสะสมไปได้เรื่อยๆ หากประสบความสำเร็จในระยะยาวก็จะมีรายได้จำนวนมากและยั่งยืน” กิจธวัช เสริม

amway

ทั้งนี้ความเหมือนอีกเรื่องหนึ่งระหว่าง Gig Economy กับนักธุรกิจแอมเวย์ก็คือการอาศัยเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างรายได้อยู่บนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ซึ่งหลังจากเริ่มใช้โปรแกรม CORE PLUS+ เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นักธุรกิจแอมเวย์ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจมีรายได้ทันทีตั้งแต่การขายผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกให้กับลูกค้า กลยุทธ์นี้ช่วยจูงใจให้พวกเขามีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจมากขึ้น รวมทั้งบริษัทยังมียอดผู้สมัครนักธุรกิจแอมเวย์รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

“CORE PLUS+ จะการันตีรายได้ค้าปลีก เพื่อให้ผลตอบแทนกับกลุ่มนักธุรกิจแอมเวย์ระดับเริ่มต้น และหากพวกเขาเติบโตสร้างธุรกิจจนมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดไว้เป็นระดับสูงขึ้น ตัวสิทธิประโยชน์นี้ก็จะเปลี่ยนไปอีกขั้น โดยพวกเขาจะได้รายได้เพิ่มขึ้นราว 20-30%”

amway

ลงทุนเทคโนโลยีใหม่เพื่อติดอาวุธนักธุรกิจแอมเวย์

นอกจากนั้น Amway ยังมีการลงทุนเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อติดอาวุธให้กับนักธุรกิจแอมเวย์ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบ e-Commerce ของตัวเอง ปรับให้ธุรกรรมต่างๆ สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ รวมถึงการนำ Big Data Analytics มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าของพวกเขา

amway

“เราเป็นธุรกิจ MLM ในรูปแบบที่พร้อมรองรับโลกอนาคต เพราะสินค้าของเรามี Innovation ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมการทำธุรกิจในยุคใหม่และสร้างประสบการณ์การสั่งซื้อให้ผู้บริโภคได้อย่างตอบโจทย์ทุกความต้องการ ดังนั้นการมี e-Commerce ขึ้นมาก็เพื่อให้ลูกค้าสะดวกเมื่อต้องการซื้อสินค้าซ้ำ เพราะทุกอย่างมันทำได้ผ่านออนไลน์ ไม่ต้องมาฝากนักธุรกิจแอมเวย์ซื้อเหมือนเมื่อก่อนแต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องอาศัยนักธุรกิจแอมเวย์นำเสนอสินค้าและอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงคุณสมบัติต่างๆ ก่อนเกิดการตัดสินใจซื้อ”

amway

สำหรับแผนระยะยาวของแอมเวย์คือการลงทุนด้านเทคโนโลยี และการนำ Big Data Analytics มาช่วยวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ในเชิงลึกขึ้น เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าซื้อไปใช้นั้นใกล้หมดหรือยัง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการ รวมถึงโดยแผนเหล่านี้เตรียมการมาแล้ว 2 ปี และอยู่ระหว่างพัฒนาให้พร้อมใช้ให้ได้เร็วที่สุด

นวัตกรรมใหม่ไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน

“แม้เราจะมีนวัตกรรมใหม่ และเตรียมลงทุนทำให้มันล้ำขึ้นไปอีก แต่ Amway ยืนยันว่านวัตกรรมเหล่านี้ไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนที่เป็นจุดแข็งของธุรกิจ MLM เพราะถ้าไม่มีการติดต่อระหว่างคนกับคน หรือนักธุรกิจแอมเวย์กับลูกค้า ยอดขายของ Amway ก็ไม่มีทางเติบโต”

team

เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดมารวมกันจะพบว่า Amway มีภาพลักษณ์ที่ดูไม่แก่เหมือนในอดีต เพราะการมีเทคโนโลยีมาช่วยเหลือทั้งฝั่งลูกค้า และนักธุรกิจแอมเวย์ รวมถึงการมีสินค้าคุณภาพสูง และหาที่อื่นเลียนแบบไม่ได้ ก็ทำให้ Amway สามารถผ่านพ้นกระแส Gig Economy และ Digital Disruption ไปได้

“สินค้าเรา Unique หาซื้อทั่วไปไม่ได้ ทำให้เราแตกต่างจาก Social Commerce ทั่วไป และถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกและไทยยังทรงๆ เราก็ยังเป็นธุรกิจขายตรงที่เติบโต และฝ่าฟันวิกฤติต่างๆ ในประเทศไทยได้ ส่วนการแข่งขันของตลาดนี้ ผมมองว่าแข่งกับตัวเอง ไม่ต้องมองคนอื่น เพื่ออยู่รอดในยุคดิจิทัลน่าจะเหมาะกว่า” กิจธวัช ทิ้งท้าย

สรุป

ก่อนหน้านี้เราอาจเห็นนักธุรกิจแอมเวย์เป็นคนมีอายุ หรือเป็นพนักงานที่เบื่อจากการทำงานประจำมาระยะหนึ่ง แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว เด็กๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ก็มาเป็นนักธุรกิจแอมเวย์มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวในทิศทางที่ถูกต้องของ Amway และปฏิเสธไม่ได้ว่า อาชีพนักธุรกิจแอมเวย์ ก็คือ Gig Economy อีกประเภทหนึ่ง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา