กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก กำลังจะใช้ช่วงเวลาหลังวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จัดระเบียบเมืองใหม่ โดยให้ความสนใจกับคนในท้องถิ่นมากขึ้น
กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากกว่า 19 ล้านคนต่อปี สร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวกว่า 6 พันล้านยูโร หรือประมาณ 2.12 แสนล้านบาท
แต่อย่าลืมว่าการท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะบางครั้งการท่องเที่ยวก็กลายเป็นสิ่งที่ลบเลือนประวัติศาสตร์อันสวยงามของเมืองได้เช่นกัน เพราะทุกวันนี้อัมสเตอร์ดัมเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ กระจายตัวอยู่ทั่วมุมเมือง แต่กลับไม่มีพื้นที่สำหรับคนในท้องถิ่นจริงๆ
รวมถึงย่าน Red Light District ที่มีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นย่านที่อนุญาตให้ค้าบริการทางเพศได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนเดินทางเข้ามายังอัมสเตอร์ดัม เพื่อหวังหาความบันเทิง ยาเสพติด และจัดงานปาร์ตี้สนุกๆ
การท่องเที่ยวสร้างปัญหาให้ชาวเมือง
ชาวอัมสเตอร์ดัมคนหนึ่งที่อยู่อาศัยในตรอกเล็กๆ ย่าน Red Light District เล่าว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองต้องเข้ามาที่ย่านนี้บ่อยๆ ในแต่ละวัน เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆ โดยเขาเล่าว่ามีนักท่องเที่ยวแอบปัสสาวะ และอาเจียนใส่หน้าประตูบ้านของเขาบ่อยๆ เข้าจึงอยากให้รัฐบาลจัดการกับผู้ที่ทำธุรกิจค้าบริการทางเพศ และร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยว แล้วดึงธุรกิจของชุมชนกลับเข้ามาแทนที่
ที่ผ่านมาหน่วยงานท้องถิ่นก็เคยมีความพยายามที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้มาแล้ว ทั้งการจำกัดการเช่าที่พักของนักท่องเที่ยว และร้านค้าที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงเคยพยายามขอซื้อสถานที่ที่ใช้ในการค้าบริการทางเพศคืน เพื่อให้คนเหล่านี้ย้ายออกไป
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Femke Halsema นายกเทศมนตรีของอัมสเตอร์ดัม ได้ร่างจดหมายส่งถึงสภาท้องถิ่น เพื่อใช้โอกาสในช่วงวิกฤตโควิด-19 จัดระเบียบอัมสเตอร์ดัมใหม่ โดยมีทั้งการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และร้านค้า เพื่อป้องกันไม่ให้อัมสเตอร์ดัมมีแต่ร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีพื้นที่อยู่อาศัย และร้านขายของชำสำหรับสำหรับคนท้องถิ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ในอัมสเตอร์ดัมด้วย
Halsema เสริมด้วยว่านี่เป็นปัญหาของการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่มากเกินไป และต้องทำให้เกิดความหลากหลายภายในเมือง
อย่างไรก็ตามผู้ที่ค้าบริการทางเพศหลายคนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการค้าบริการโดยตรง โดยสถานค้าบริการคาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งได้ในเดือนกันยายน แต่คาดว่ารายได้จะลดลงกว่า 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นอาจใช้ช่วงเวลานี้เพื่อจ่ายเงินซื้อสถานที่ที่ใช้ขายบริการทางเพศคืน และปรับปรุงพื้นที่ แต่ผู้ค้าบริการคาดการณ์ว่า คงไม่มีธุรกิจอื่นๆ อยากย้ายเข้ามาในพื้นที่นี้ เพราะมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ค่อนข้างต่ำ
เจ้าของร้านกาแฟรายหนึ่งกังวลว่า การจัดระเบียบเมืองอัมสเตอร์ดัมครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เพราะในช่วงสถานการณ์โควิด ร้านกาแฟของเขาก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป รวมถึงเขากังวลว่าการจำกัดจำนวนร้านกาแฟที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
บางคนก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับการจัดระเบียบเมืองอัมสเตอร์ดัมครั้งนี้ โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวมีส่วนช่วยในการใช้จ่ายเงิน รวมถึงทำให้เกิดการจ้างงาน โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่แน่นอนเช่นนี้
ที่มา – Japantimes
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา