วิกฤตของวงการค้าปลีก โดยเฉพาะพื้นที่ห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ยังดำเนินต่อไป แม้แต่ยักษ์ใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ยังไปไม่รอด และเตรียมปิดร้านค้าปลีกของตัวเอง 87 แห่งในห้างสรรพสินค้าทั่วสหรัฐ
เป็นที่รู้จักกันดีว่า Amazon เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ไม่มีหน้าร้าน แต่เมื่อบริษัทหันมาผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง เช่น เครื่องอ่านอีบุ๊กแบรนด์ Kindle, แท็บเล็ต Fire, ลำโพงอัจฉริยะ Echo ก็จำเป็นต้องมีหน้าร้านเพื่อให้ผู้บริโภคได้มาลองจับ ลองเล่นสินค้าก่อนตัดสินใจควักเงินซื้อ (ยุทธศาสตร์เดียวกับที่แอปเปิลทำสำเร็จมาแล้ว)
Amazon จึงใช้วิธีเปิดร้านขนาดเล็ก (pop-up store หรือ kiosk) ตามพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าทั่วสหรัฐอเมริกา และภายหลังก็ครอบคลุมมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต Whole Foods ที่ Amazon ไปซื้อกิจการมาด้วย
ในช่วงแรก ร้านขนาดเล็กของ Amazon ประสบความสำเร็จด้วยดี และบางครั้งถึงขั้นเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเข้าห้างด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม มาถึงตอนนี้ Amazon อาจมองว่ายุทธศาสตร์การเปิดร้านในพื้นที่ห้างนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป และเตรียมปิดร้านทั้ง 87 สาขาในวันที่ 29 เมษายน 2019
โฆษกของ Amazon บอกว่าหลังจากทดสอบแนวคิดนี้มานานประมาณ 5 ปี บริษัทก็ตัดสินใจว่าจะหยุดโครงการร้าน pop up ขนาดเล็กแล้ว
อย่างไรก็ตาม Amazon ยังมีร้านค้าปลีกที่ขนาดใหญ่กว่าร้าน pop up อีก 2 แบบ คือ Amazon Books ที่เป็นร้านขายหนังสือจริงๆ (พร้อมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นของ Amazon) และ Amazon 4-star ร้านรวมผลิตภัณฑ์ยอดนิยมบนเว็บไซต์ Amazon.com ที่ได้รีวิวเกินเฉลี่ย 4 ดาวขึ้นไป ร้านทั้งสองประเภทจะได้รับการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลว่าให้ประสบการณ์ที่ครบเครื่องกว่าแก่ลูกค้า
ที่มา – Vox, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา