ลองขับ All-New Nissan Almera กับความใหม่หมดตั้งแต่ตัวรถ ถึงกลยุทธ์การทำตลาด

ก่อนหน้านี้การทำตลาดของ Nissan ในประเทศไทยนั้นจะบอกว่าเอื่อยๆ ก็คงได้ เพราะแต่ละรุ่นที่ออกมาหลังจาก March ก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างนัก แต่เมื่อ All-New Almera เปิดตัว ทุกอย่างมันก็เหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว

nissan almera

มาดใหม่ Almera มาดใหม่ Nissan

Nissan Almera เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2554 และเป็นรถยนต์ Sedan 4 ประตู ECO-Car ที่ทำตลาดรุ่นแรกในประเทศไทย ซึ่งตอนนั้นหลายคนมองว่ามันเชย และอืด แต่ด้วยข้อดีเรื่องห้องโดยสาร และที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ด้านหลัง รวมถึงราคาที่ค่อนข้างเอื้อมถึงง่าย ทำให้มันจำหน่ายมาได้เป็นเวลานาน

แต่ล่าสุดก็ถึงเวลาที่ Nissan Almera ต้องเปลี่ยนโฉม และทาง Nissan ประเทศไทยก็เดินกลยุทธ์ใหม่หลังจากโดนแซวว่า “สวยเหรอ ไม่ขายหรอก!” มานาน เพราะคราวนี้ Nissan Almera ที่ทำตลาดในไทยก็นำโฉมสุดหล่อในรุ่น Versa ที่ใช้ทำตลาดในสหรัฐอเมริกามาปรับปรุงให้เหมาะกับที่นี่ แถมคงจุดเด่นในรุ่นก่อนเอาไว้เช่นเดิม

Nissan Almera

ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่กว้างขวาง, ที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นรูปตัว U มากกว่ารุ่นก่อนที่เป็นทรงตัว V ทำให้การใส่สัมภาระขนาดใหญ่ง่ายกว่าเดิม ส่วนราคาก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะเริ่มต้นแค่ 4.99 แสนบาท ส่วนเกรดสูงสุดที่ใส่ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีต่างๆ มาเต็มก็อยู่ที่ 6.39 แสนบาท

การขับขี่ที่สนุกกว่ารุ่นก่อนแบบไม่ต้องสงสัย

ด้านการขับขี่ของ Nissan Almera ก็พัฒนากว่ารุ่นก่อนที่เริ่มทำตลาดเมื่อ 9 ปีที่แล้วเช่นกัน ผ่านเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ 3 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร แม้แรงม้าจะน้อยกว่าค่ายคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบเหมือนกัน แต่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

Nissan Almera

การเปลี่ยนมาใช้เครื่องใหม่แทนที่เครื่อง 1.2 ลิตร 3 สูบตัวเดิม นอกจากจะช่วยเพิ่มพละกำลัง และความสนุกในการขับขี่แล้ว ยังช่วยเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นผ่านตัวเลข 23.3 กม./ลิตร ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนได้ไปขับทดลองที่จังหวัดภูเก็ต และพบว่าเครื่องยนต์ใหม่วิ่งขึ้นเขา และเร่งแซงได้สบายๆ เรียกว่าเกินความขาดหมายตอนแรกไว้มาก

เนื่องจากเมื่อสื่อสารออกมาว่าเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ ก็อาจทำให้หลายคนนึกถึงเครื่อง 1.0 ลิตรที่น่าจะอืดอาดกว่า 1.2 ลิตรตัวเดิม แต่ก็คงลืมกันว่าครั้งนี้ติดเทอร์โบมาด้วย ทำให้มันค่อนข้างแรงตั้งแต่รอบต้นๆ เมื่อประกอบกับเกียร์ CVT เข้าไป ความแรงของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบก็มาทันทีที่เหยียบคันเร่ง

Nissan Almera

ภายนอกที่ลบความเชยออกไปทุกกระเบียด

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Nissan Almera โฉมแรกที่ทำตลาดในไทยนั้นถูกมองว่ามันค่อนข้างออกแบบได้เชย และไม่จูงใจคนรุ่นใหม่เอาเสียเลย แต่ตัวโฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนั้นลบเรื่องนี้ออกไปแทบทั้งหมด ผ่านการนำการออกแบบ Vmotion มาใช้เหมือนกับ Nissan รุ่นใหม่ๆ จากจุดนี้เองทำให้ภายนอกดึงดูดวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันหากสังเกตดีๆ การออกแบบในแต่ละจุดก็อิงกับดีไซน์ของรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Fairlady อยู่ด้วย เช่นไฟท้ายแบบบูมเมอแรง และหากเข้าไปดูภายในก็ยกระดับการออกแบบไปอย่างชัดเจน ไล่ตั้งแต่หน้าปัดบริเวณพวงมาลัย ถึงคอนโซลกลางที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ในเกรดสูงสุด

Nissan Almera

แม้บางจุดจะใช้วัสดุที่ดูพลาสติกจนเกินไปบ้าง แต่ Nissan ก็เอาไปแอบไว้ในจุดที่เห็นไม่ค่อยบ่อยนัก เช่นที่บังแดดด้านหน้า ยิ่งรวมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง หรือด้านหน้าถอยเบาะแบบนั่งสบาย ด้านหลังก็เข่าไม่ติด ก็ทำให้ Nissan Almera ค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องนี้เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด

เทคโนโลยีจัดเต็ม เหลือแค่ทำตลาดให้ดี

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Almera ก็จัดเต็มมาเช่นกัน โดยทั้งหมดจะอยู่ใต้ Nissan Intelligent Mobility ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 6 จุด, ระบบเบรกฉุกเฉิน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และที่เด่นที่สุดคือ กล้องมองรอบทิศทาง และระบบเตือนวัตถุรอบตัวรถ

Nissan Almera

เมื่อว่ากันถึงขนาดนี้ก็คงเหลือแค่ Nissan ต้องทำตลาด All-New Almera ให้มีประสิทธิภาพที่สุด โดยเฉพาะการสื่อสารเรื่องเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ เพราะถ้าคนยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีนี้ มันก็ยากที่จะจำหน่าย ผ่านภาพผู้บริโภคยังติดว่า เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเป็นเครื่องเล็ก ขับได้แค่ระยะใกล้ๆ

สรุปแล้ว All-New Almera คือรถยนต์ตัวเลือกต้นๆ ในกลุ่ม ECO-Car ของผู้เขียน เพราะด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัย แต่ยังคงถึงความแรง และจุดแข็งเรื่องประหยัดน้ำมัน กับการโดยสารที่สะดวกสบายไว้ได้ ดังนั้นก็อยู่ที่ Nissan จะสื่อสารให้ถูกต้อง เพื่อกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในตลาดไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา