แม็กกี้ วู CFO ของ Alibaba Group ได้ ประกาศผลประกอบการตามปีงบประมาณ 2017 (มี.ค. 2016-2017) โดยรายได้มีการเติบโตขึ้น 56% เป็นมูลค่ากว่า 22,994 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- รายได้รวม 22,994 ล้านดอลลาร์ เติบโต 56% แบ่งเป็น
รายได้จากธุรกิจการค้า (commerce) 19,450 ล้านดอลลาร์ เติบโต 45%
รายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติง 968 ล้านดอลลาณ์ เติบโต 121%
รายได้จากธุรกิจดิจิทัลมีเดียและเอนเตอร์เทนเม้นท์ 2,141 ล้านดอลลาร์ เติบโต 271%
รายได้จากธุรกิจนวัตกรรม 435 ล้านดอลลาร์ เติบโต 65% - ขณะที่รายได้ไตรมาสแรกของปี 2017 (ม.ค. – มี.ค. 2017) มีรายได้รวม 5,605 ล้านดอลลาร์ เติบโต 60%
- ช่องทางค้าปลีกของ Alibaba ในประเทศจีน มีลูกค้าที่ซื้อสินค้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปีรวมกว่า 454 ล้านราย เพิ่มขึ้น 31 ล้านรายเมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า โดยคิดเป็นผู้บริโภคที่ใช้งานช่องทาง AliExpress และ Lazada รวม 83 ล้านราย
- ยอดผู้ใช้งานในประเทศจีนที่เข้าถึงช่องทางค้าปลีกในแต่ละเดือนผ่านโทรศัพท์มือถือ 507 ล้านคนในเดือนมีนาคม ซึ่งสูงกว่าในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า 97 ล้านคน
- ยอดขายรวมผ่านทางช่องทางค้าปลีกในประเทศจีนตลอดปีงบประมาณ 2017 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 547,000 ล้านดอลลาร์ เติบโต 22%
- Alibaba เห็นแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่หันมาใช้บริการ e-Commerce ผ่านโทรศัพท์มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ ยอดขายรวมผ่านโทรศัพท์มือถือของช่องทางค้าปลีกในประเทศจีน จึงสูง 433,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 79% ของยอดขายรวมทั้งหมด เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
- รายได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือจากธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีน สูงกว่า 13,182 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีงบประมาณล่าสุดนี้ รายได้จากแพลตฟอร์มซื้อขายบนโทรศัพท์มือถือได้เติบโตแซงหน้ารายได้ผ่านทางช่องทางคอมพิวเตอร์ไปแล้ว
- จำนวนลูกค้าบริการคลาวด์ คอมพิวติงที่จ่ายค่าบริการ เพิ่มขึ้นเป็น 874,000 คน จาก 513,000 คนในปีก่อน ด้านผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2560 บริษัทได้รายงานการขาดทุนจากธุรกิจดังกล่าวเป็นเงิน 244 ล้านดอลลาร์
- รายได้สุทธิอยู่ที่ 5,989 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการดำเนินการ 6,981 ล้านดอลลาร์
- กำไรต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 2.47 ดอลลาร์ ขณะที่เงินสดสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 11,670 ล้านดอลลาร์ และกระแสเงินสดที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไป 9,994 ล้านดอลลาร์
source: businesswire.com
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา