อาลีบาบา จัดแคมเปญช้อปปิ้งระดับโลก 11.11

อาลีบาบา จัดแคมเปญช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 เน้นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับผู้ประกอบมากกว่า 290,000 แบรนด์ 

สำหรับปีนี้ อาลีบาบาได้เตรียมสนับสนุนเครื่องมือและโซลูชั่นต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อขยายฐานสมาชิกใน Loyalty Programs ของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งแสดงออกถึงความคิดริเริ่มต่างๆ  เพื่อช่วยให้ผู้ค้าประสบความสำเร็จตลอดและหลังช่วง 11.11 

โดยปัจจุบัน ผู้ประกอบการมากกว่า 40 แบรนด์บนทีมอลล์ (Tmall) มีจำนวนสมาชิกใน Loyalty Programs แล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ขณะที่อีก 600 แบรนด์ มีจำนวนสมาชิกใน Loyalty Programs มากกว่าหนึ่งล้านคน

ด้าน ชุย เฉีย ประธานศูนย์พัฒนาและปฏิบัติการอุตสาหกรรมของเถาเป่าและทีมอลล์ แห่งอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดเผยว่า แคมเปญ 11.11 เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผู้ค้าของเราทุกปี การเปลี่ยนสถานะผู้บริโภคมาเข้าสู่ Loyalty Programs จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีที่สุด  ทั้งนี้ เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนเม็ดเงินในมือลูกค้า ให้กลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดต่อการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวของผู้ประกอบการ”

ช่วงพรีเซล 11.11 บนทีมอลล์ได้เริ่มขึ้นในเวลา 20.00 น. (ตามเวลาปักกิ่ง) ของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยจะแบ่งกิจกรรมการขายออกเป็น 2 ช่วง  ช่วงแรกจะเริ่มในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม และสิ้นสุด ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน ขณะที่ช่วงที่สองจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20:00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน และยาวไปจนถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน

ส่งเสริมแบรนด์ในการสร้างฐานลูกค้าคุณภาพสูง

อาลีบาบาจะสนับสนุนผู้ค้าในด้านการสรรหาสมาชิกเข้าสู่ Loyalty Programs รวมถึงด้านความคิดริเริ่มอื่น ๆ เพื่อผลักดันการใช้ระบบสมาชิกให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง และกลายเป็นเครื่องมือดึงดูด สร้างการมีส่วนร่วม และรักษาลูกค้าประจำของแบรนด์บนแพลตฟอร์ม

สำหรับในส่วนของ 88VIP โปรแกรมสมาชิกระดับพรีเมียมของระบบนิเวศอาลีบาบานั้น ณ ปัจจุบัน มีสมาชิกมากกว่า 25 ล้านคน สร้างการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 57,000 หยวนในส่วนของไลฟ์สตรีมยังคงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ค้าและผู้บริโภค โดยอาลีบาบาจะสนับสนุนผู้ค้าที่มีความสามารถในการจัดเซสชันไลฟ์สตรีมด้วยตนเองตลอดช่วง 11.11 ผ่านเถาเป่า ไลฟ์ (Taobao Live) เตรียมพบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวใน 11.11 ปีนี้ รวมถึงแฟชั่นและเครื่องประดับจากแบรนด์หรูชั้นนำ อาทิ มองเคลอร์ (Moncler)  และ เฟอร์รารี่ (Ferrari) ที่เพิ่งเปิด Flagship stores บนทีมอลล์เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยหลายแบรนด์ได้เตรียมจัดแสดงผลงานนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งได้นำข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมโดย Tmall Innovation Center (TMIC) มาศึกษาต่อยอดจนกลายเป็นชิ้นงานใหม่ๆ

สนับสนุนผู้ค้าทั้งในและต่างประเทศ

อาลีบาบายังพร้อมสนับสนุนให้ผู้ค้าสามารถเข้าถึงเครื่องมือทางธุรกิจและด้านธุรกรรมการเงิน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือวิเคราะห์การตลาด ซึ่งจะให้บริการแก่ผู้ค้าทุกรายบนเถาเป่าและทีมอลล์เป็นครั้งแรกในช่วง 11.11 นี้ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ของผู้ค้า นอกจากนี้ เถาเป่าและทีมอลล์ยังจะสร้างกระบวนการโอนเงินที่สะดวกรวดเร็วขึ้นแก่ผู้ค้า เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของพวกเขาในช่วง 11.11 กระบวนการนี้จะทำให้รอบบัญชีลูกหนี้ลดลงเหลือ 7 วันโดยเฉลี่ย สำหรับผลิตภัณฑ์บางรายการ

 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์สำหรับผู้ค้าข้ามพรมแดน ไช่เหนี่ยว (Cainiao) ได้ปรับปรุงพัฒนาคลังสินค้า พิธีการทางศุลกากร การขนส่งระหว่างคลัง และการจัดจำหน่ายสินค้า สำหรับ 11.11 ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจำนวนเส้นทางขนส่งสินค้าขาเข้าขึ้น 20 เปอร์เซนต์ และเพิ่มความจุในคลังสินค้าที่เราบริหารเองเป็นสองเท่า นอกจากนี้ ไช่เหนี่ยวยังได้เปิดตัวบริการขนส่งระหว่างคลังอีก 400 เส้นทาง ทั้งทางอากาศ ทะเล ถนน และทางรถไฟ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดสินค้านำเข้าทุกประเทศ สำหรับการส่งออกจากประเทศจีนนั้น ไช่เหนี่ยวได้ร่วมมือกับอาลีเอ็กซ์เพลส (AliExpress) อย่างใกล้ชิด  

สัมผัสประสบการณ์การบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

อีกหนึ่งความพิเศษของปีนี้ คือ ความริเริ่มต่างๆ ในด้านการสร้างชุมชน 11.11 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยอาลีบาบา กรุ๊ป ได้วางเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการใน 11.11 นี้ สำหรับทีมอลล์ เราได้กระตุ้นให้มีการติดฉลากผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำให้ครอบคลุมหมวดหมู่รายการช้อปปิ้งที่หลากหลายขึ้น เพิ่มเติมจากหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ประหยัดพลังงาน  เช่น หมวดเครื่องแต่งกาย อาหาร และเครื่องสำอาง เพื่อส่งเสริมวิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน ฉลากผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำบนแพลตฟอร์มได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขารับทราบถึงผลกระทบของการซื้อที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา