จากงานวิจัยที่ระบุว่า อีก 20 ปี AI อาจแทนที่ทุกอาชีพ ยกเว้นผู้ให้บริการทางเพศ โค้ชกีฬา นักการเมือง นักจริยธรรม
แต่ดูเหมือนว่า ‘แอลเบเนีย’ ประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน อาจไม่ได้เชื่อตามงานวิจัยชิ้นนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีเสนอไอเดียให้ ‘AI’ เข้ามาบริหาร ‘รัฐบาล’ แทนมนุษย์ เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชันเรื้อรัง และเร่งเปิดทางสู่การเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
นายกรัฐมนตรี ‘เอดี รามา’ ระบุว่า AI อาจเป็นรัฐมนตรีที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะปลอดจากการเล่นพรรคเล่นพวก ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และคอร์รัปชัน
ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ‘รามา’ ยังบอกว่าในอนาคต แอลเบเนียอาจมีทั้งกระทรวงที่บริหารด้วย AI อย่างเดียว พร้อมเปิดช่องให้ประชาชนเลือกอัลกอริทึมมาเป็นรัฐมนตรี หรือแม้แต่เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต
แนวคิดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่สะท้อนทั้งความพยายามของแอลเบเนียในการปรับตัวสู่ความทันสมัย และการดิ้นรนกับปัญหาคอร์รัปชันที่ฝังรากในสังคมมาหลายสิบปี
ปัจจุบัน เวทีการเมืองของแอลเบเนียยังเต็มไปด้วยคดีอื้อฉาว เช่น ‘ซาลี เบริชา’ ผู้นำฝ่ายค้านกำลังเผชิญการไต่สวนคดีคอร์รัปชัน ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานาธิบดี ‘อิลีร์ เมตา’ ถูกจำคุกแล้ว
‘เบน บลูชี’ อดีตนักการเมืองและนักเขียนชื่อดัง สนับสนุนแนวคิดนี้ โดยมองว่าการให้ AI มาบริหารอาจเปลี่ยนโฉมประชาธิปไตยไปอย่างสิ้นเชิง
“สังคมจะถูกบริหารได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะ AI จะไม่ทำผิดพลาด ไม่ต้องการเงินเดือน ไม่ถูกคอร์รัปชัน และไม่เคยหยุดทำงาน”
เริ่มใช้ AI มาตั้งแต่ปี 2019
แม้รัฐบาลที่นำโดย AI ยังเป็นเพียงแนวคิด แต่แอลเบเนียได้เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ในการบริหารแล้ว ทั้งการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ วิเคราะห์ข้อมูลภาษีและศุลกากรแบบเรียลไทม์
รวมถึงใช้โดรนและดาวเทียมอัจฉริยะ เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างผิดกฎหมาย การบุกรุกพื้นที่ชายหาด และการปลูกกัญชาในพื้นที่ชนบท
รัฐบาลยังเตรียมใช้ AI ในการแก้ปัญหาจราจรที่มีอัตราเสียชีวิตสูงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ด้วยระบบจดจำใบหน้าเพื่อเตือนคนขับที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด และส่งใบสั่งตรงถึงโทรศัพท์มือถือหรืออีเมล
นอกจากนี้ ยังมีแผนใช้ AI ในระบบสาธารณสุข การศึกษา และบัตรประจำตัวดิจิทัล โดยตั้งแต่ปี 2019 ประเทศได้ย้ายบริการสาธารณะกว่า 95% ไปอยู่บนแพลตฟอร์ม ‘e-Albania’ ซึ่งมีผู้ช่วยเสมือนที่ขับเคลื่อนด้วย AI คอยให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นภาษี ดาวน์โหลดสูติบัตร หรือขอใบอนุญาตต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจารณ์เตือนว่าหากไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง AI อาจกลายเป็นเพียงเครื่องมือปกปิดปัญหา โดยย้ำว่า AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เวทมนตร์
เร่งใช้ AI เพื่อเข้าอียูภายในสองปี
ส่วนหนึ่งที่แอลเบเนียดันการใช้ AI มากขนาดนี้ เป็นเพราะต้องการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปภายในปี 2030 หลังเริ่มเจรจาอย่างเป็นทางการในปี 2022 ประเทศจำเป็นต้องปรับกฎหมายและมาตรฐานตาม ‘EU acquis’ ที่มีความหนากว่า 250,000 หน้า
‘รามา’ หวังว่า AI จะช่วยแปลเอกสารกฎหมายเหล่านี้ และหาความแตกต่างระหว่างกฎหมายของแอลเบเนียกับอียู
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยังได้ร่วมงานกับ ‘มีรา มูราติ’ อดีตประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ OpenAI และผู้สร้าง ChatGPT ซึ่งเกิดที่แอลเบเนีย ปัจจุบันก่อตั้งสตาร์ทอัพด้าน AI มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ฯ ชื่อ ‘Thinking Machines’ และกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลแอลเบเนียเพื่อเร่งกระบวนการดังกล่าว
ด้าน ‘รามา’ บอกว่า ในขณะที่โครเอเชียใช้เวลา 7 ปีเพื่อเข้าสู่อียู แอลเบเนียตั้งเป้าจะทำได้ภายในปี 2027 หรือเพียง 2 ปีเท่านั้น
‘โอเดตา บาร์บูลลูชี’ อดีตที่ปรึกษาด้านการเจรจาเข้าร่วมอียู ระบุว่า AI สามารถช่วยเร่งการแปล และประมวลผลเอกสารทางเทคนิคได้จริง แต่กระบวนการบูรณาการกับอียูเป็นเรื่องทางการเมือง และยังจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
ส่วนผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ประเทศยังขาดทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่จำเป็น ‘เจรนด์ ทาชี’ ผู้เชี่ยวชาญ AI ในท้องถิ่น เห็นด้วยว่าแอลเบเนียยังขาดบุคลากร ศูนย์ข้อมูล และเงินลงทุนในการพัฒนาระบบ
“การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบจำเป็นต้องมีแผนเป็นขั้นตอน กฎหมายรองรับ และแผนรับมือหากเกิดความล้มเหลว แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว การปรับตัวต้องเดินหน้า และประชาชนแอลเบเนียต้องตระหนักและเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้”
แม้ยังไม่แน่ว่าแอลเบเนียจะก้าวไปถึงขั้นมี ‘รัฐมนตรี AI’ หรือ ‘นายก AI’ จริงหรือไม่ แต่ประเทศที่มีประชากรราว 2.7 ล้านคนแห่งนี้ กำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อก้าวข้ามปัญหาคอร์รัปชัน และคว้าที่นั่งสมาชิกในสหภาพยุโรปที่เฝ้ารอมานาน
- Sam Altman พบว่าผู้ใช้บางคนคิดถึง ChatGPT สไตล์เดิมที่ตามใจทุกอย่าง เพราะมีแต่ AI ที่สนับสนุนพวกเขา
- รู้มาก ก็ลังเลมาก! งานวิจัยพบการศึกษาเรื่อง AI ไม่ได้นำไปสู่การใช้งานเสมอไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา