เรียกว่าเป็นอีกตัวอย่างวิกฤติของการทำงานในยุคนี้ก็ว่าได้ หลังเจ้าหน้าที่รัฐของเมืองที่ปกครองด้วยตัวเองแห่งหนึ่งใน Alaska ถูกโจมตีด้วย Ransomware ทั้งระบบ จนไม่สามารถกลับไปใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้เลย
พิมพ์ดีด และการเขียนด้วยมือคือคำตอบสุดท้าย
ปัจจุบันการใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อเดินหน้างานในส่วนต่างๆ กลายเป็นเรื่องปกติ และมันจะเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ หากระบบคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งคราวนี้มันเกิดปัญหากับหน่วยงานข้าราชการของเมือง Matanuska-Susitna ใน Alaska ที่ถูกโจมตีด้วย Ransomware จนข้อมูลเกือบทั้งหมดนั้นถูกเข้ารหัสไว้โดยผู้ไม่ประสงค์ดี
สำหรับข้อมูลดังกล่าวก็ประกอบด้วย อีเมลภายในเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง, ระบบการทำงานภายในหน่วยงาน, เซิร์ฟเวอร์ที่ไว้ใช้งานยามฉุกเฉิน (Disaster Recovery Server), ระบบโทรศัพท์ รวมถึงระบบควบคุมการปิดเปิดประตูด้วยการ์ด หรือเรียกได้ว่าทำให้การทำงานของหน่วยงานนั้นเป็นอัมพาตกันเลยทีเดียว
Eric Wyatt หัวหน้าฝ่าย IT ของหน่วยงานราชการนี้เล่าให้ฟังว่า การโจมตีของ Ransomware ตัวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเข้ารหัสข้อมูลของหน่วยงานไว้เกือบจะทั้งหมด ผ่านการที่เครื่องคอมพิวเตอร์เดสท็อปเกือบ 500 ตัว และเครื่องเซิร์ฟเวอร์อีก 120 ตัวที่โดนโจมตี
“คอมพิวเตอร์ของเราใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 7 กับ 10 และเชื่อว่า Ransomware นั้นเริ่มแอบอยู่ในระบบตั้งแต่เดือนพ.ค. ก่อนที่ตัว Anti-Virus Software จะมองเห็นว่ามีวัตถุต้องสงสัยตัวหนึ่ง และยับยั้งมันไว้ได้ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดที่ผู้ไม่ประสงค์ดีส่งมา จึ่งเป็นเหตุผลที่วันที่ 24 ก.ค. ตัว Ransomware ก็โจมตีระบบทั้งหมด”
จึงเป็นเหตุผลที่ข้าราชการในเมืองนั้นต้องหันมาใช้งานเครื่องพิมพ์ดีด และกรอกเอกสารด้วยมือเปล่า เพื่อให้หน่วยงานสามารถดำเนินการไปได้ก่อน และระหว่างนี้ก็อยู่ระหว่างประสานงานกับ FBI เพื่อให้ช่วยถอดรหัสข้อมูลทั้งหมด รวมถึงสร้างระบบฐานข้อมูลขึ้นมาใหม่อีกด้วย
สรุป
เห็นอย่างนี้แล้วการลงทุนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลนั้นจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าระบบข้อมูลพังไปคราวหนึ่ง ก็เท่ากับการทำงานนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เลย และถึงระบบดังกล่าวจะค่อนข้างมีราคาสูง แต่มันก็คุ้มกว่าหรือไม่ที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลได้ ยิ่งเป็นข้อมูลของประชากรด้วยแล้ว มันก็ยิ่งสำคัญ
อ้างอิง // BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา