สมรภูมิปิ้งย่างตอนนี้อาจดูซาๆ ลงไปบ้าง เพราะด้วยปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจ ประกอบกับเทรนด์รักษาสุขภาพ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้ AKA ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างระดับพรีเมียมกระทบเท่าไหร่นัก ที่ยืนหยัดมา 10 ปี และเตรียมสร้าง Story ใหม่ด้วยการขยายไปตลาดต่างประเทศ
ปิ้งย่างตลาดซบ อยากยั่งยืนต้องแตกต่าง
ถ้าจำกัดได้เมื่อ 4-5 ปีก่อน ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็น และทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ก็ส่งโปรโมชั่นมาดึงดูดลูกค้ากันอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เหตุการณ์เหล่านั้นแทบไม่พบเห็น แถมร้านขนาดเล็กต่างก็ทยอยปิดกันไปบ้าง เพราะสู้กับสภาวเศรษฐกิจไม่ไหวจริงๆ จนปัจจุบันเหลือแค่เพียงแบรนด์ดังที่มีสาขาจำนวนมาก
ธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจแบรนด์ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้านปิ้งย่าง AKA (อากะ) เล่าให้ฟังว่า ตลาดปิ้งย่างตอนนี้มีมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 เพียง 3-4% แบ่งเป็นกลุ่มปิ้งย่างระดับแมสที่ 5,000 ล้านบาท กับระดับพรีเมียมที่ 1,500-2,000 ล้านบาท และมีแต่ร้านที่มีสาขาเยอะที่โตเหนือตลาด
“ถ้าเจาะไปที่ตลาดแมส Chain ที่หลายคนรู้จักกันดีก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มร้านที่มีสาขาไม่เยอะนั้นอยู่ยากขึ้นทุกวัน เช่นกันกับกลุ่มพรีเมียมที่ร้านสาขาเยอะๆ ก็ยังมีสถานะที่เติบโตดีอยู่ แต่กลุ่มร้านเล็กๆ ตามสุขุมวิทก็ยังพอไปได้ เนื่องจากกลุ่มพรีเมียมนั้นต้องสร้างความแตกต่างทั้งบริการ และรสชาติให้ฉีกจากคู่แข่งมากๆ จึงจะอยู่รอดในธุรกิจนี้ได้”
เกมราคาน้อยลง ทุกเจ้าแข่งกันแบบแฟร์ๆ
ขณะเดียวกันการแข่งขันเรื่องราคาในตอนนี้ลดลงมาก โดยเฉพาะร้านระดับพรีเมียม เพราะแต่ละเจ้าต่างเน้นกลยุทธ์ที่ตนเองถนัด เช่นทำตลาดในต่างจังหวัดเป็นหลัก หรือเน้นให้เยอะ ซึ่ง AKA เองจะเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้า และตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก จนทำให้ทางร้านสามารถครองส่วนแบ่งกว่า 30% ของตลาดปิ้งย่างพรีเมียม ผ่านยอดขายเฉลี่ย 1,200 บาท/บิล
ทั้งนี้ AKA ได้จัดแคมเปญครบรอบ 10 ปีโดยทำโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ราคา 319 บาท จากราคาปกติ 399-499 บาท ระหว่าง 15 ส.ค.-31 ต.ค. พร้อมกับลดราคาบุฟเฟ่ต์เหลือ 10 บาท ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์, เมกะ บางนา, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า,, ฟิวเตอร์ปาร์ค รังสิต และเซ็นทรัล พระราม 2 ให้กับลูกค้า 100 คนแรกที่มารับประทาน
ยอดขายโต 10% เตรียมขยายตลาดต่างประเทศ
จากปัจจัยข้างต้น ปีนี้ AKA ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% ผ่านหน้าร้านทั้งหมด 15 สาขา และมีผู้ถือบัตรสมาชิกกว่า 30,000 ราย หลังจากนี้เตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 2-3 แห่ง/ปี ไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ภายใน 5 ปีน่าจะมีสาขาทั้งหมด 25-30 แห่ง ลงทุนราว 200 ล้านบาทนอกจากนี้ยังเตรียมเข้าไปทำตลาดต่างประเทศ ผ่านการขายเฟรนไชส์ค่าแรกเข้า 1.5 ล้านบาท
สรุป
การเติบโตของธุรกิจร้านอาหารยังไปได้ เพราะผู้บริโภคเลือกที่จะอยู่นอกบ้านมากขึ้น แต่ถ้าจะยั่งยืนต้องแตกต่าง และมีราคาที่เหมาะสม ส่วนตัวมองว่าบุฟเฟ่ต์ยังคงขายได้เรื่อยๆ เนื่องจากคนไทยชอบความคุ้มค่า และรู้ค่าใช้จ่ายมื้อพิเศษที่ชัดเจน ซึ่ง AKA เองก็มียอดขายบุฟเฟ่ต์ถึง 80% ของการขายทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็น A-La-Cart
สำหรับกลุ่มร้านอาหาร “เซ็น” นั้นมีร้านอาหารในเครือ 12 แบรนด์ เช่นร้านอาหารญ๊่ปุ่นเซ็น, ร้าน On The Table และร้านตำมั่ว เป็นต้น แบรนด์ในเครือก็เริ่มขยายไปต่างประเทศบ้างแล้ว เช่น “ตำมั่ว” ก็เตรียมนำอาหารไทย Go Inter ส่วน AKA นั้นเล็งพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอาไว้ เพราะยังไม่มีร้านลักษณะเดียวกันมากนัก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา