มีผลสำรวจล่าสุดได้กล่าวว่ายอดจองของ Airbnb มีการเติบโตขึ้น 49% ส่วนยอดจองโรงแรมบูติคเติบโตขึ้น 43% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และโรงแรมอยู่ที่ 28% เป็นสัญญาณบ่งชี้ได้ว่า คนให้ความสนใจกับโรงแรมที่มีชื่อเสียงน้อยลง
ผลสำรวจดังกล่าวเป็นข้อมูลจาก 1010data ที่เก็บข้อมูลการจองที่พักตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 – ตุลาคม 2560 และเปรียบเทียบกับพฤศจิกายน 2558 – ตุลาคม 2559 เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงแบบปีต่อปี โดยที่ธุรกิจ Bookings ไม่ได้อยู่ในการสำรวจครั้งนี้
รายงานได้ระบุว่าแนวโน้มของการจองโรงแรมแบบบูติค และ Airbnb สูงขึ้นมา เพราะเขารู้สึกว่าต้องการสถานที่ที่เหมือนอยู่บ้านมากที่สุด บ่งบอกได้ว่าเทรนด์การท่องเที่ยวยุคนี้ นักท่องเที่ยวเริ่มสนใจโรงแรมหรูๆ ขนาดใหญ่น้อยลง เช่น เครือ Hilton, Marriott, IHG และอื่นๆ เป็นต้น พบว่าโรงแรมเครือใหญ่ๆ สูญเสียลูกค้า 20-30% ให้กับโรงแรมบูติค และ Airbnb และเสียลูกค้า 12-18% ให้กับโรงแรมอื่นๆ
ซึ่งเทรนด์ของนักท่องเที่ยวยุคนี้มักมองหาประสบการณ์แบบท้องถิ่นที่แท้จริง หรือแบบ Authetic ซึ่ง Airbnb และโรงแรมบูติคสามารถให้ประสบการณ์นี้ได้มากกว่า
ความท้าทายของโรงแรมขนาดใหญ่ในตอนนี้คือต้องต่อสู้กับแรงกดดันในตลาด และทิศทางของผู้บริโภคในยุคนี้ ซึ่งต้องหาหนทางในการปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดให้ได้ แรงกดดันในตลาดที่นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นของโรงแรมบูติคและ Airbnb สิ่งที่โรงแรมขนาดใหญ่ต้องเผชิญก็คือการเติบโตของธุรกิจ Online Travel Agency (OTA) ด้วย
ถึงแม้ว่า Marriott และ Hilton จะเปิดตัวแคมเปญเมื่อปี 2015 ที่การันตีว่าในเว็บไซต์จะให้ราคาที่พักที่ดีที่สุด ซึ่งจำนวนการจองห้องพักผ่าน OTA เพิ่มขึ้น 43% เมือ่เปรียบเทียบปีต่อปี แต่ในความเป็นจริง 44% ของการจองห้องพักทผ่านทางออนไลน์ทั้งหมดจะกระทำผ่าน OTA ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปีก่อนหน้า .
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา