การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับการใช้งาน จะส่งผลต่อความสบายและค่าใช้จ่ายในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้าน พื้นที่สำนักงาน หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ การทำความเข้าใจประเภทของแอร์แต่ละชนิดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะแอร์แต่ละประเภทจะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะการใช้งาน ลองมาทำความรู้จักกับแอร์แต่ละประเภท พร้อมคำแนะนำวิธีการเลือกแอร์ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณกัน
วิธีการใช้งานแอร์อย่างถูกวิธี
การใช้งานแอร์อย่างถูกวิธี ควรเริ่มต้นจากการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25 – 26 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน และยังทำให้รู้สึกเย็นสบาย การดูแลควรทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ลดการสะสมของฝุ่นละออง
นอกจากนี้ยังควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิทขณะเปิดเครื่อง หลีกเลี่ยงการเปิด – ปิดบ่อยเกินไป และให้ช่างแอร์มาล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และรักษาประสิทธิภาพของเครื่องให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
แอร์แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อแอร์ ควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจประเภทของแอร์ปรับอากาศกันก่อน เพราะแอร์แต่ละประเภทจะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ลองมาดูกันว่ามีแอร์แบบไหนบ้าง
แอร์ติดผนัง (Wall Mounted)
แอร์แบบติดผนัง เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับแอร์บ้านและสำนักงาน ติดตั้งง่าย เหมาะกับห้องขนาดเล็กถึงกลาง มีดีไซน์สวยงามไม่เปลืองพื้นที่ มีราคาให้เลือกหลากหลายตามฟังก์ชันการใช้งาน สามารถดูแลรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า สำหรับการใช้งานภายในบ้านและสำนักงาน
แอร์ตู้ตั้งพื้น (Floor Standing)
แอร์แบบตู้ตั้งพื้น เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุม พื้นที่จัดแสดง หรือร้านค้า มีกำลังในการทำความเย็นสูง กระจายลมได้ทั่วถึงและรวดเร็ว ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเจาะผนังหรือฝ้า สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ข้อเสียคือมีขนาดใหญ่ค่อนข้างเปลืองพื้นที่ และอาจมีเสียงดังกว่าแอร์ประเภทอื่น แต่ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ที่ต้องการตัวช่วยทำความเย็นที่รวดเร็ว
แอร์ฝังฝ้า (Ceiling Cassette)
แอร์ฝังฝ้าเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความสวยงาม และการกระจายลมเย็นอย่างทั่วถึง การติดตั้งบนฝ้าเพดานทำให้ไม่เห็นตัวเครื่อง และยังออกแบบมาเพื่อกระจายความเย็นได้แบบ 360 องศา ทำให้เหมาะกับสำนักงาน ร้านอาหาร หรือโชว์รูมที่มีพื้นที่กว้าง ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยและสร้างบรรยากาศที่ดูหรูหรา แต่จะมีค่าติดตั้งและค่าบำรุงที่สูงกว่าแอร์ประเภทอื่น
แอร์ต่อท่อลม (Duct Type)
แอร์ต่อท่อลมเป็นระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ที่ซ่อนตัวเครื่องและท่อลมไว้ในฝ้าเพดาน เหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่ โรงแรม หรือบ้านขนาดใหญ่ สามารถควบคุมอุณหภูมิแต่ละห้องได้อย่างอิสระ ประหยัดพื้นที่ และสวยงามเพราะมองไม่เห็นตัวเครื่อง มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องลงทุนสูงในการติดตั้ง และออกแบบระบบท่อลมอย่างถูกต้อง
แอร์เคลื่อนที่ (Portable Air Conditioner)
แอร์เคลื่อนที่เป็นทางเลือกสำหรับกรณีที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์แบบถาวรได้ เช่น หอพักที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ หรือพื้นที่ชั่วคราว ตัวแอร์มีล้อเลื่อนสามารถเคลื่อนย้ายไปใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้สะดวก ไม่ต้องเจาะผนังหรือใช้ช่างติดตั้ง เพียงแค่ต่อสายไฟก็ใช้งานได้ทันที ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับแอร์ติดผนัง เหมาะกับห้องขนาดเล็กหรือการใช้งานชั่วคราว ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น
วิธีเลือกแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกแอร์ที่คุ้มค่าไม่ได้ดูแค่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัย ตั้งแต่ขนาดห้อง เทคโนโลยี ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ลองมาดูวิธีเลือกแอร์ให้ได้ทั้งคุณภาพและความคุ้มค่ากัน
- คำนวณขนาด BTU ให้เหมาะกับพื้นที่ – การเลือกขนาดแอร์ให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก หากเลือกเครื่องเล็กเกินไปแอร์จะทำงานหนักและเปลืองไฟ แต่ถ้าเลือกใหญ่เกินไปก็จะสิ้นเปลืองค่าไฟ โดยห้องขนาด 12 – 15 ตารางเมตรควรใช้แอร์ 9,000 – 12,000 BTU และห้องขนาด 16 – 20 ตารางเมตรควรใช้ 12,000 – 18,000 BTU
- เลือกเบอร์ 5 หรือ Inverter เพื่อประหยัดค่าไฟระยะยาว – แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือมีเทคโนโลยี Inverter แม้ราคาแอร์จะสูงกว่าเล็กน้อย แต่จะช่วยลดค่าไฟในระยะยาวได้ดีกว่า
- เปรียบเทียบโปรโมชันและแพ็กเกจ – หลายแบรนด์มักมีโปรโมชันซื้อแอร์พร้อมติดตั้งในราคาพิเศษ ประหยัดค่าติดตั้งได้ 1,500 – 3,000 บาท รวมถึงได้ท่อและอุปกรณ์มาตรฐานครบชุด บางร้านอาจแถมบริการล้างแอร์ฟรี หรือขยายระยะเวลารับประกัน
- ตรวจสอบระยะรับประกันและบริการหลังการขาย – แอร์คุณภาพดีควรมีการรับประกันคอมเพรสเซอร์อย่างน้อย 5 – 10 ปี และรับประกันอะไหล่ทั่วไป 1 – 2 ปี ควรเลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการครอบคลุมในพื้นที่ พร้อมทีมช่างที่เชื่อถือได้ การมีบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยลดปัญหาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในอนาคต
- พิจารณาฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน – เลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่าง Smart W-iFi การควบคุมผ่านมือถือ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 หรือโหมด Turbo เย็นเร็วทันใจ ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
เลือกแอร์คุณภาพสูงที่เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกใช้แอร์ที่เหมาะสมจะส่งผลต่อความสะดวกสบายและค่าใช้จ่ายระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นแอร์ติดผนัง แอร์ตู้ หรือแอร์เคลื่อนที่ แต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกัน ควรพิจารณาขนาดพื้นที่ เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และงบประมาณให้เหมาะสม
สำหรับใครที่กำลังมองหาแอร์คุณภาพดี ขอแนะนำแอร์ LG ที่มาพร้อมระบบ Inverter ประหยัดไฟเบอร์ 5 ฟังก์ชันกรอง PM 2.5 และระบบ AI Air ที่จะช่วยปรับอุณหภูมิ ความแรง และทิศทางลมได้โดยอัตโนมัติ สามารถควบคุมผ่านแอป LG ThinQ ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อสร้างบรรยากาศเย็นสบายและอากาศสะอาดตลอดเวลา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา