ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ดุเดือด คำถามที่สำคัญคือ “ใครจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากที่สุด?”
แม้บิ๊กเทคสหรัฐจะเป็นผู้นำด้าน AI ซอฟต์แวร์ แต่รายงานใหม่ชี้ว่า ‘จีน’ อาจได้ประโยชน์สูงสุดจาก ‘หุ่นยนต์ AI’ ในอนาคต
แต่…ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะโตแรงแค่ไหน สุดท้ายก็อาจไม่สามารถแซงหน้าสหรัฐได้เลย เพราะจะต้องเจอกับปัญหาประชากรลดลงอย่างหนักในอนาคต ตามที่ ‘สถาบันวิจัยเศรษฐกิจญี่ปุ่น’ (JCER) วิเคราะห์ไว้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรามาไล่เรียงไปพร้อมๆ กัน
จีนจะได้ประโยชน์จากหุ่นยนต์ AI จนเศรษฐกิจจะใหญ่เกือบเท่าสหรัฐฯ
ในรายงานของ JCER มองว่า GDP ที่แท้จริง (real GDP) ของจีนจะโตขึ้น 3.5 เท่า ภายในปลายทศวรรษ 2050 เมื่อเทียบกับปี 2024
ตัวเลขที่คาดการณ์ไว้คือในปี 2057 จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับสหรัฐมากที่สุด คิดเป็น 89% ของขนาดเศรษฐกิจอเมริกา
โดยสิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนมากที่สุด ก็คือ ‘หุ่นยนต์’ ที่ใช้ AI ระดับสูง หรือที่เรียกว่า ‘Artificial General Intelligence’ (AGI) ซึ่งตามรายงานระบุว่า หุ่นยนต์ประเภทนี้จะมีความฉลาดในระดับเดียวกันกับมนุษย์ และแม้ตอนนี้จะยังไม่มีอยู่จริง แต่ JCER เชื่อว่า AGI จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ปัจจุบัน AGI มักเป็นที่รู้จักในรูปแบบซอฟต์แวร์ อย่าง ‘แชทบอท’ หรือ ‘AI สร้างคอนเทนต์’ แต่สิ่งที่จีนจะได้ประโยชน์มากกว่า คือ AGI แบบ ‘จับต้องได้’ นั่นก็คือหุ่นยนต์ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้ในโรงงาน ซึ่งเข้าทางจีนสุดๆ เพราะเศรษฐกิจเน้นการผลิตอยู่แล้ว
ในรายงานของ JCER คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจากเข้ามาของ AGI ไว้ดังนี้:
- ในทศวรรษ 2030 JCER เศรษฐกิจจีนจะโตเฉลี่ยปีละ 4.3% (เพราะ AGI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลายอาชีพ เช่น โปรแกรมเมอร์ การศึกษา และการวางแผนธุรกิจ)
- ในทศวรรษ 2040 เศรษฐกิจจีนจะโตเฉลี่ยปีละ 3.7% (ลดลงจากทศวรษก่อนหน้า เพราะเริ่มเจอปัญหาคนทำงานน้อยลง แต่หุ่นยนต์ AI ยังช่วยพยุงการเติบโตไว้ได้)
- พอเข้าสู่ทศวรรษ 2050 เศรษฐกิจจีนจะเริ่มชะลอลงอย่างมาก เพราะประชากรจีนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
- จากนั้นในปี 2075 คาดว่าจีนจะเหลือประชากรเพียง 854 ล้านคน หรือลดลง 40% จากปี 2024 และอัตราการเติบโตอาจใกล้ ‘ศูนย์’
ฝั่งสหรัฐก็ได้ประโยชน์จาก AI เหมือนกัน ถึงจะไม่มากเท่าจีน แต่ด้วยจำนวนประชากรที่ไม่ได้ลดลงเยอะเท่าจีน ทำให้สหรัฐจะยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง
โดย JCER คาดว่า GDP สหรัฐจะโตเฉลี่ยปีละ 3.3% ในทศวรรษ 2030 และค่อยๆ ลดเหลือ 1.4% ภายในปี 2075 ซึ่งยังสูงกว่าจีนในระยะยาว
สรุปคือ เศรษฐกิจจีนอาจ ‘ใกล้เคียง’ แต่ ‘ไม่แซง’ สหรัฐแน่นอน โดยช่วงที่ช่องว่างจะแคบที่สุดคือปี 2057 ก่อนจะกลับมาห่างอีกครั้ง แถม JCER ยังบอกด้วยว่า การวิเคราะห์นี้ ยังไม่นับผลกระทบจาก ‘สงครามการค้า’ ระหว่างสองประเทศ
แม้จะมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะแซงสหรัฐได้ในที่สุด แต่ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
‘Hidenobu Ishibashi’ นักเศรษฐศาสตร์หลักของ JCER ชี้ว่า AI มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยประเมินว่า ประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม (Total Factor Productivity) ของสหรัฐจะโตเฉลี่ยปีละ 1.7% ในช่วงปี 2024-2075
ซึ่งใกล้เคียงกับยุคที่ไฟฟ้า และรถยนต์เปลี่ยนโลกเศรษฐกิจในศตวรรษก่อน เทียบกับช่วงปี 1919–1970 (ไม่รวมช่วงสงครามโลก) ที่มีอัตรา 1.9% และมากกว่าสองเท่าของช่วง 1970–2024
แม้จะมีความกังวลว่า AGI อาจทำให้ผลประโยชน์กระจุกตัวอยู่แค่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ไม่กี่ราย แต่ JCER ชี้แจงว่าการคาดการณ์ครั้งนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะกระจายไปถึงแรงงานและสังคมโดยรวม
ที่มา: Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา