นอกจากวิวาทะเรื่อง AI ของคนดังไอทีระดับโลกในช่วงนี้แล้ว (ใครยังไม่รู้ว่าเขาเถียงเรื่องอะไรกัน อ่านที่นี่) ลองมาเทียบดูประเด็นเรื่อง AI ของสองมหาอำนาจโลกกันบ้าง ระหว่างจีนกับอเมริกา ที่ประเทศหนึ่งลงเงินเป็นพันล้านพัฒนา AI ส่วนอีกประเทศตัดงบสนับสนุน
จีนลุยพัฒนา AI จริงจัง รัฐ-เอกชนจับมือกัน ลงเงินระดับพันล้านเหรียญ
หน่วยงานด้านการบริหารงานที่อยู่ภายใต้รัฐสภาของจีน เปิดเผยข้อมูลว่า ตอนนี้กำลังพัฒนา AI อยู่ เพื่อที่จะทำให้จีนกลายเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีในปี 2025
The New York Times รายงานถึงแผนของจีนว่า จะมีการลงเงินจำนวนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง AI ต้นแบบที่สามารถทำงานร่วมกันกับหน่วยงานวิจัย ภาคอุตสาหกรรมของเอกชน และกองทัพจีน
ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังระบุว่า “ถ้าดูจากการทำวิจัยและพัฒนาด้าน AI ของจีนในตอนนี้แล้ว ถือว่าไม่ได้ตามหลังสหรัฐอเมริกาอยู่แม้แต่น้อยเลย”
ปัจจัยที่ทำให้จีนพัฒนา AI ได้อย่างก้าวหน้ามาก มีดังนี้
- ความพร้อมในการใช้ AI ของหลายภาคส่วน ทำให้เกิดการใช้งานที่กว้างขวางและหลากหลาย ทำให้ราคาถูกลง รวมถึงมีนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่เข้ามาทำงานในด้าน AI กันเป็นจำนวนมากในประเทศจีน
- Baidu บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนมีส่วนสำคัญในการผลักดันการทำวิจัยและพัฒนา AI ในจีน รวมถึงได้ไปซื้อกิจการของ Raven Tech ที่พัฒนาด้านการจดจำเสียงสั่งการของมนุษย์ เนื่องจาก Baidu เพิ่งได้ลงเงินก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ชื่อว่า “Project Apollo” ที่ย่อมต้องใช้การพัฒนา AI กันขนานใหญ่
- นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายบริษัทที่มุ่งเน้นด้าน AI และได้รับการสนับสนุนที่ดี เช่น SenseTime ที่เป็นสตาร์ทอัพด้าน AI รายหนึ่งของจีนก็เพิ่งระดมทุนรอบเดียวได้เงินก้อนใหญ่ไปถึง 410 ล้านเหรียญ
จีนเดินหน้าเรื่อง AI ในขณะที่ อเมริกากำลังถอยหลัง?
เห็นได้ชัดแล้วว่า พี่จีนยักษ์ใหญ่ของโลกตะวันออกกำลังบุกหนักในด้าน AI แต่เมื่อมองดูยักษ์ใหญ่ของโลกตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา ต้องบอกเลยว่า ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดปัจจุบันโดยโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินการสวนทางกันกับจีน เพราะทรัมป์ไม่ได้มองว่าการพัฒนา AI เป็นเรื่องสำคัญอะไร ที่มากกว่านั้นยังได้เสนอให้ตัดงบประมาณเงินสนับสนุนด้าน “intelligent systems” ของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Science Foundation) โดยลดลงไปจากเดิมถึง 10% ทำให้เหลือเงินดำเนินงานเพียง 175 ล้านเหรีญเท่านั้น
ข้อมูลจาก Analysys International Enfodesk ระบุว่า ธุรกิจ AI ในจีนตอนนี้ยิ่งใหญ่มาก มีการประเมินกันว่ารายได้ที่จะเกิดจากธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI ในปีนี้อยู่ที่ 1,990 ล้านเหรียญ แต่ในปี 2018 หรือปีหน้าจะพุ่งขึ้นไปสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญเลยทีเดียว
ถึงจุดนี้ทุกคนคงมองเห็นว่า AI จะไม่ใช่แค่นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีของโลกอนาคตเท่านั้น แต่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนของโลกด้วย ท่าทีของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่เป็นแนวโน้มที่เห็นชัดว่าจีนเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาก คงจะไม่เกินเลยไปถ้าจะบอกว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความรู้ด้าน AI ของจีนน่าจะแซงหน้าโลกตะวันตกได้อย่างแน่นอน
หรือถ้าจะเทียบให้เห็นภาพคือ ในจีนตอนนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนจับมือกันผลักดันพัฒนา AI ในขณะที่สหรัฐอเมริกา ภาคส่วนสำคัญที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่องคือเอกชน (ไม่ว่าจะ Elon Musk หรือ Mark Zuckerberg และอีกหลายคน/หลายองค์กร) ส่วนภาครัฐที่นำโดยโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้มองว่าประเด็นเรื่อง AI เป็นสิ่งที่สลักสำคัญอะไร แถมยังตัดงบสนับสนุนอีก
ถ้า AI คืออนาคต … ณ จุดนี้ คงบอกได้เพียงว่า
โลกไม่ได้หมุนรอบอเมริกาอีกต่อไปแล้ว
ที่มา – Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา