Agritech หรือ เทคโนโลยีการเกษตร ก็ได้ก้าวหน้าไปอีกหนึ่งก้าว กับหุ่นยนต์ทั้งสามตัวจาก Small Robot Company ช่วยทำลายวัชพืชด้วยไฟฟ้า เพื่อลดใช้สารเคมีและเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ แถมช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนา
การทำงานของหุ่นยนต์ทั้งสาม
หุ่นยนต์ของ Small Robot Company มีทั้งหมด 3 ตัว ชื่อว่า Tom, Dick และ Harry โดยหุ่นยนต์ทั้ง 3 ตัวนี้ทำงานร่วมกัน
- Tom ทำหน้าที่สแกนพื้นที่เพาะปลูกได้วันละ 200,000 ตารางเมตร และส่งข้อมูลดังกล่าวให้ Dick
- Dick ผู้ทำหน้าที่ทำลายวัชพืชด้วยการช็อต
- ส่วนสุดท้าย Harry จะทำการฝังเมล็ดลงไปในดินที่พร้อมเพาะปลูก
ทางบริษัทกล่าวว่า ถ้าหากใช้หุ่นยนต์ครบทั้งสามตัว ระบบนี้จะทำให้ชาวนาลดต้นทุนได้ 40% และลดการใช้สารเคมีได้ถึง 95% ด้วยกัน
“ระบบของเราจะช่วยให้ชาวนาเลิกใช้สารเคมีในพื้นที่เพาะปลูกของตัวเองได้ เป็นการหยุดทำร้ายดินที่อาจจะเสียหายอยู่แล้ว” Ben Scott-Robinson ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารบริษัท Small Robot กล่าว
ปัจจุบัน Small Robot ระดมทุนไปแล้วกว่า 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 307 ล้านบาท)
หุ่นยนต์เพื่อการเกษตร: นวัตกรรมทำลายวัชพืชแบบทีละต้น
Small Robot ใช้แนวคิดการเกษตรแบบ “ทีละต้น” (per plant farming) ซึ่งแปลว่าพืชทุกชนิด ทุกต้น บนแปลงจะถูกเฝ้าตรวจสอบและบันทึก และวัชพืชทุกต้นจะถูกทำลาย แต่พืชที่มีประโยชน์ หรือ ไม่เป็นอันตรายจะไม่ถูกแตะต้อง
ผู้ร่วมก่อตั้ง Small Robot อธิบายการทำงานของหุ่นยนต์ทำลายวัชพืชว่า “มันสร้างกระแสไฟฟ้าที่พุ่งไปยังรากของวัชพืชผ่านดินและพุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการทำลายวัชพืชอย่างสิ้นเชิง”
เขายอมรับว่าการใช้หุ่นยนต์ไม่เร็วเท่าการพ่นสารเคมีทั้งแปลง แต่เขาก็ให้ข้อมูลว่า เราแค่ต้องกำจัดวัชพืชเฉพาะจุดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องให้หุ่นยนต์เดินทั้งแปลง
ในการใช้งานจริง หุ่นยนต์เฝ้าตรวจสอบแปลงพืช (monitoring robot) จะถูกทิ้งไว้ที่ฟาร์ม แต่หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชและเพาะเมล็ดจะถูกนำมาส่งให้ตอนที่ระบบแจ้งว่าต้องใช้เท่านั้น
ประสิทธิภาพที่ต่ำเกินจะใช้งานจริง
Kit Franklin อาจารย์ด้านวิศวกรรมการเกษตรจาก Harper Adams University เห็นด้วยว่าการใช้ไฟฟ้าทำลายวัชพืชเป็นไอเดียที่ใช้ได้จริง แต่เมื่อเทียบกับการใช้สารเคมีที่พ่นได้วันละหลายตารางกิโลเมตร การใช้หุ่นยนต์ที่ใช้งานได้แค่วันละ 0.2 ตารางกิโลเมตรดูจะประสิทธิภาพยังต่ำอยู่มาก
แต่ Franklin เชื่อว่า ชาวนาจะหันมาใช้งานเทคโนโลยีนี้กันมากขึ้นแน่นอน ถ้ามีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ
เขากล่าวว่า “ในแวดวงการเกษตรตอนนี้ ผู้คนกำลังตระหนักกันมากขึ้นว่า การทำนาแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็เท่ากับ การทำนาแบบมีประสิทธิภาพ” ในส่วนของการทำนา “เมื่อใช้สารเคมีทุกชนิดน้อยลง ใช้เฉพาะตอนที่ต้องใช้ ในที่ๆ จำเป็น จะช่วยลดต้นทุน ดีต่อธรรมชาติ และทำให้ชาวนาดูดีขึ้นด้วย”
ในด้านของ Small Robot นอกจากเป้าหมายในการลดการใช้สารเคมีแล้ว ทางบริษัทก็ต้องการพัฒนาคุณภาพดิน และช่วยอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) อีกด้วย
“ถ้าคุณมองสิ่งแวดล้อมเป็นเหมือนกระบวนการในโรงงาน แปลว่าคุณกำลังมองข้ามความซับซ้อนของมันอยู่ – เราต้องเปลี่ยนการเกษตรตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะไม่มีอะไรเหลือให้ปลูก” Scott-Robinson กล่าวทิ้งท้าย
สรุป
เทคโนโลยีการเกษตร หรือ AgriTech เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้ประเทศไทยยังจะมีปัญหาด้านต้นทุนสูงอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่นวัตกรรมตามทันความต้องการของชาวนา หุ่นยนต์จะต้องมาทดแทนแรงงานของคนแน่นอน
- อวสานชาวสวน รู้จักหุ่นยนต์เก็บพริกหวาน ใช้เวลา 24 วินาทีต่อ 1 ผล ทำงานได้ 20 ชม./วัน
- อนาคตการเกษตรไทย ต้องใช้เทคโนโลยี ลดแรงงานคน แต่ปัญหาคือต้นทุนยังสูง เข้าถึงไม่ได้
ที่มา – CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา