ออมรี มอร์เกนสเติร์น ซีอีโอของ Agoda กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท มีพนักงานครึ่งหนึ่งจากพนักงานทั้งหมดราว 6,600 คนทั่วโลก ไทยยังมีที่พักที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มเกือบ 80,000 แห่ง จนเรียกได้ว่า Agoda เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
ออมรีได้เผยข้อมูลนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคมปี 2023 ดังนี้
การท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นปี 2023
การท่องเที่ยวไทยโดยรวมฟื้นตัวในทิศทางที่รวดเร็วกว่าประเทศอื่นจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ไทยเปิดประเทศเร็วกว่าโดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ส่วนปัจจัยอีกอย่างหนึ่งมาจากที่ไทยมีเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวเพียงพอ
ในช่วงต้นปีนี้ นักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วคิดเป็น 80% เมื่อเทียบกับในช่วงปี 2019 ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศจีนคิดเป็นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 และจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกันภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า
ไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่นในช่วงต้นปีนี้ เทียบกับปีที่แล้ว ไทยเป็นอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด ในเดือนมกราคมปีนี้จนถึงวันที่ 11 มิถุนายน ไทยรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแล้วรวมทั้งสิน 11.4 ล้านคน เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนและอินเดียนิยมเดินทางมามากที่สุด
ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ตามลำดับ ส่วนประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางภายในประเทศมากที่สุด ไทยเป็นอันดับที่ 4 ตามหลังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และ มาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปญี่ปุ่นค่อนข้างทิ้งห่างจากจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าไทยและประเทศอื่น ๆ มาก แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่ได้ราคาถูกมากนัก แต่สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากกว่าไทยเพราะญี่ปุ่นทำการตลาดได้ดีกว่า ส่วนสาเหตุใหญ่อีกอย่างมาจากที่ญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันเป็นวงกว้างอย่าง Tokyo Disneyland รวมทั้งมีผู้เดินทางมาทำธุรกิจมากกว่าด้วย
เวียดนามที่ตามมาเป็นอันดับที่ 3 ก็ค่อนข้างทิ้งห่างจากไทยแต่ก็ยังถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองเพราะว่าเศรษฐกิจของเวียดนามดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ยังนิยมเดินทางไปเวียดนามและญี่ปุ่น เนื่องจากการไปเวียดนามราคาถูกกว่าเพราะระยะทางใกล้กว่าไทย
เหตุผลสำคัญที่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เวียดนามเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เพราะมีโรงงานจากเกาหลีใต้ในเวียดนามมากขึ้น ทำให้เกิดชุมชนคนเกาหลีในเวียดนาม จุดนี้ออมรีกล่าวว่า เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าไทยควรดึงดูดนักลงทุนมาทำธุรกิจมากขึ้นโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีเพราะจะกระตุ้นให้มีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น
3 กลยุทธ์ในปี 2023
Adoda มีแผนกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว สำหรับในปี 2023 จะให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องด้วยกัน
ราคา
เป้าหมายที่ Agoda ให้ความสำคัญในปีนี้เป็นเรื่องการตั้งราคาให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด และเป็นราคาที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากเพราะโรงแรมแต่ละแห่งมีเรทราคาที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปลี่ยนสโลแกนเป็น “See The World For Less” เพื่อเน้นย้ำเรื่องราคาว่าผู้บริโภคจะสามารถเดินทางได้บ่อยขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ลดลง หลังนักท่องเที่ยวอาจเผชิญอุปสรรคในการเดินทางเพราะค่าใช้จ่ายสูงจากเงินเฟ้อ ประกอบกับเที่ยวบินที่ไม่เพียงพอทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินแพงขึ้นอีก อโกด้าเลยมุ่งเป้าเพื่อปรับราคาให้ดีที่สุดเพื่อผลักดันให้มีผู้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
เทคโนโลยี
กรุงเทพสามารถกลายเป็นฮับเทคโนโลยีและเป็น Silicon Valley ของเอเชียได้ ตรงตามเป้าหมายของ Adoga ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในทุก ๆ ด้านทำให้บริษัทเปิดรับเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วอย่าง Generative AI ที่บริษัทได้นำมาใช้แล้ว
ออมรีเชื่อว่า การทำให้กรุงเทพเป็น Silicon Valley แห่งใหม่ของเอเชียไม่ได้จะมีประโยชน์แค่เฉพาะกับบริษัทแต่เป็นผลดีกับประเทศไทยเองด้วย สิ่งที่ Agoda ต้องการทำคือการให้การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อให้คนเปิดรับแนวคิดใหม่และสร้าง Ecosystem ให้เทคโนโลยีเจริญเติบโตในประเทศไทย
ในปีนี้ Agoda จะรับเทคโนโลยีเข้ามาใหม่มากขึ้นอย่างมาก โดยเน้นไปที่ Consumer Fintech เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการจองที่พักให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น อย่างเวลาที่พักไม่ยอมให้ผู้ใช้ยกเลิกการจอง แต่ Agoda จะให้ยกเลิกได้และแบกรับความเสี่ยงนั้นเอง เพราะเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นที่เข้ามาจองแทนที่ นอกจากนี้ ยังจะพัฒนา Premium Agoda Support คอลเซ็นเตอร์ที่เพิ่มความรวดเร็วในการตอบข้อความให้ความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น
ส่วน Generative AI ปัจจุบันกำลังพัฒนา Interface ของแอปพลิเคชันเพื่อให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น อีกอย่าง คือ การใช้ AI เข้ามาช่วยทำงานเพื่อลดภาระงานของวิศวกรลง คาดว่าในปี 3 ปี วิศวกรจะทำงานได้มากขึ้น 30% เพราะมี AI เข้ามาช่วย
การปรับตัวให้เข้ากับตลาด
เนื่องจากบริษัทก่อตั้งในเอเชียจึงตระหนักว่าผู้บริโภคในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันจึงไม่สามารถให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบเดียวกันได้ Agoda จึงมีการลงทุนกับการปรับบริการให้ตรงตามความต้องการของแต่ละประเทศ (Localization) ซึ่งสิ่งที่จะทำให้การปรับเปลี่ยนเป็นไปได้ดีคือการนำเทคโนโลยีมาช่วย
นอกจากนี้ Agoda ยังมุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวที่เน้นความเรียบง่าย คือ การพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมบริการทุกอย่าง ซึ่งแตกต่างจากแพ็คเกจเที่ยวตรงที่ว่าตอบสนองผู้บริโภคที่ไม่ได้ต้องการจองทุกอย่างในเวลาเดียวกัน แต่ยิ่งจองกับ Agoda บ่อยเท่าไรก็จะได้ราคาที่ถูกลง
ความท้าทายของไทยในปี 2023
ออมรี เผยว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยในภาพรวมถือว่าดีแต่ยังมีสิ่งที่พัฒนาเพิ่มขึ้นได้ โดยไทยมีศักยภาพที่จะติบโตมากขึ้นอย่างนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้และอินเดียที่อาจจะเดินทางมาไทยได้มากกว่านี้อีก อาจจะพัฒนาด้วยการอำนวยความสะดวกบางอย่าง เช่น เรื่องการขอวีซ่าและการเปิดเส้นทางบินให้มากขึ้น
อีกอย่างคือการทำให้ประเทศไทยเป็นฮับด้านเทคโนโลยี ให้คนในวงการทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อระดมไอเดีย ซึ่งตอนนี้ก็มีมาบ้างแล้วแต่ยังไม่โดดเด่นมากนัก
ไทยยังมีศักยภาพในการพัฒนาเมืองรอง เช่น ขอนแก่น แม้ว่าคนไทยมักจะเดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองรองอยู่แล้ว แต่ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเพื่อให้ล้นไปเมืองรองเอง และสามารถหาคุณค่าและชูจุดขายของเมืองรองที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
ทั้งนี้ จุดหมายปลายทางที่นักท่องที่ยวในประเทศไทยหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะแค่ประเทศไทยแต่เป็นทั่วโลก ทำให้คนท่องเที่ยวในเมืองรองมากขึ้นอาจเป็นผลมาจากโควิด-19 ที่ทำให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้น
ส่วนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมยังมีอุปสรรค 2 อย่าง อย่างแรก คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปสถานที่ที่รู้จักกันโดยทั่วไปอย่าง Disneyland อย่างที่สอง คือ คู่แข่งในประเทศเอเชียที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตะวันตกได้มากกว่าอย่าเช่นพม่าหรือกัมพูชา เพราะกรุงเทพมีความใกล้เคียงกับวัฒนธรรมตะวันตกมากกว่าอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา