ปิดสวิตช์จากการทำงาน แล้วเปิดสวิตช์ไปใช้ชีวิตแบบรีเฟรชกับ Afterwork By Heineken

หนึ่งในวิกฤตของคนทำงานหลังจากผ่านช่วงโควิดมา คือ Work-Life Balance พังทลายลง ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าทำงานเยอะ เหนื่อยสะสม เริ่มงานเช้า เลิกงานดึก เสาร์-อาทิตย์ไม่ได้พัก เรียกการทำงานแบบนี้ว่า Always-On Work Culture ไม่ใช่เรื่องแปลก สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลายประเทศทั่วโลก

Heineken 6

ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำงานแบบ Work from Home ที่ช่วงแรกรู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางก็สามารถทำงานได้ เรียกว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมด้วย แต่พอผ่านไปสักระยะ ทุกคนจะเริ่มรู้สึกว่า เวลางานได้เข้ามาแย่งเวลาในชีวิตไป เพราะเมื่อทำงานแบบ WFH แล้วก็ทำมันตลอดเลย

เวลานี้หลายคนกลับมาทำงานเข้าออฟฟิศตามปกติแล้ว แต่ปรากฏว่าการแบ่งเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวไม่สมดุลกัน ซึ่ง KISI บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงานได้จัดอันดับเมืองที่ทำงานหนักที่สุดประจำปี 2022 ไว้ และ กรุงเทพฯ ติดอันดับ 5!

ดังนั้น ถ้าคุณจะเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานหนักจนลืมเวลาส่วนตัวก็ไม่ต้องแปลกใจ

Heineken 4
ภาพจากออฟฟิศ Techsauce

Afterwork by Heineken กับแนวคิดสร้างสมดุลให้ชีวิต

ไฮเนเก้น ชูคอนเซ็ปต์ “Clock-out! It’s Afterwork Time” ซึ่งถือเป็นแนวคิดหลักของแคมเปญ Afterwork by Heineken สนับสนุนให้ทุกคนสร้างสมดุลให้กับชีวิตและการทำงาน เราต้องรู้ว่าเวลาไหนที่ควร Switch Off การทำงาน และ Switch On ชีวิตหลังเลิกงาน แบบ Quality Socialising เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับตัวเอง

ถ้าอยากมีชีวิตที่สมดุล และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเลิกวัฒนธรรม Always-On Work Culture และรีบสร้าง Work-Life Balance ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และนั่นทำให้ Heineken สร้างสรรค์แคมเปญ Afterwork by Heineken ขึ้น

อันดับแรกต้องทำให้เกิด Work-Life Balance โดยเริ่มต้นพิจารณาว่า งานต้องมีความเหมาะสม ทั้งเวลาทำงาน และวันหยุดตามปฏิทิน รวมถึงวันลาต่างๆ ค่าตอบแทนที่ได้รับ ทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องกัน ลองพิจารณาว่าการทำงานหนักเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพกับการมีเวลาเพื่อคนรอบข้าง (หรือการมีเวลาให้ตัวเอง) สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน

ปัจจัยต่อมาคือ คุณภาพชีวิต เพราะสุขภาพกายและสุขภาพใจ ก็เป็นส่วนสำคัญ ถ้าทำงานอย่างเดียวไม่มีทางที่คุณภาพชีวิตจะสมดุลได้ และนำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพกาย และแน่นอนสุขภาพใจก็จะมีผลตามมาในที่สุด ทั้งหมดนี้ทำให้ Work-Life Balance มีปัญหานั่นเอง

Heineken 3

ใช้แนวคิด Quality Socialising สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

ย้อนกลับมาที่ทางออกง่ายๆ ในการสร้าง Work-Life Balance คือ การเลือกถอดปลั๊กการทำงานและเปิดสวิตช์ไปใช้ชีวิตแบบรีเฟรชกับ Afterwork by Heineken ปลดปล่อยเวลาหลังเลิกงาน และสนุกให้เต็มที่ นี่คือเวลาของคุณ โดยไฮเนเก้น ได้จัด 2 กิจกรรม คือ

  1. เริ่มจากร่วมมือกับบริษัทคนรุ่นใหม่กว่า 20 บริษัท อาทิ What The Duck / Warner Music Thailand / Major Cineplex / กลุ่มบริษัท CDG / The Standard / ConNEXT by Techsauce / Asia City Media Group (BK Magazine) ฯลฯ ที่มีแนวคิดและวัฒนธรรมองค์กรที่ตรงกัน ผ่าน Afterwork Fridge เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้มีเวลาใช้ชีวิตของตัวเองในช่วงเวลาหลังเลิกงาน และสร้าง “Afterwork Moment” ในองค์กร ภายใต้นโยบายการจัดการของแต่ละบริษัท
  1. การร่วมมือกับร้านอาหารและเอาท์เล็ทที่เป็นพาร์ทเนอร์ของแบรนด์จำนวน 100 แห่ง เพื่อทยอยจัดกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลาหลังเลิกงานให้คนไทยได้ปลดปล่อยความเครียดจากการทำงานและรีเฟรชความสดชื่นกันได้ตลอดทั้งปี

Heineken 1

นี่คือทางออกเบื้องต้นง่ายๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนมีสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว คลายเครียดจากงานด้วยการมี Quality Socialising กับ Heineken ได้พักผ่อนในสไตล์ของตัวเอง และแน่นอนว่าเวลาหลังเลิกงาน ไม่ได้มีแค่ตอนเย็นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ บางคนอาจใช้เวลากับตัวเองในการหาหนังดู เชียร์กีฬาโปรด หาร้านอาหารดีๆ และมีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือนั่งพักผ่อนพูดคุยสบายๆ กับคนที่บ้าน

และนั่นคือ “Clock Out! It’s Afterwork Time” คอนเซ็ปต์ที่ไฮเนเก้น ต้องการกระตุ้นให้ทุกคนเห็นความสำคัญของช่วงเวลาหลังเลิกงาน และทำให้เป็นโมเมนต์ที่มีคุณภาพที่ทุกคนจะได้ทำในสิ่งที่ชอบและอยู่กับคนที่รัก มาช่วยกันทำให้กรุงเทพฯ ไม่ติดอันดับเมืองที่ทำงานหนักที่สุดประจำปี 2023 ไปด้วยกัน

Heineken 5
ภาพจากออฟฟิศ Warner Music Thailand

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Branded Content เป็นบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์