ผลกระทบจากรัฐประหารอย่างทันทีทันใดสำหรับกรณีการยึดอำนาจรัฐบาลอองซาน ซูจีที่มาจากการเลือกตั้งในเมียนมาก็คือ การระงับการลงทุนโครงการในเมียนมามูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาทของบริษัทอมตะ
วิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อมตะเพิ่งเริ่มก่อสร้างศูนย์อุตสาหกรรมด้านนอกย่างกุ้งขนาด 2,000 เอเคอร์หรือประมาณ 5,060 ไร่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็รวมทั้งสร้างโรงงานไฟฟ้าด้วย ทางอมตะและลูกค้าต่างกังวลกันว่ามีความเป็นไปได้ที่ประเทศตะวันตกจะคว่ำบาตรทางการการค้า โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ การลงทุนครั้งใหม่ในเมียนมาจะได้รับผลกระทบหนักแน่นอน
วิบูลย์กล่าวว่าอมตะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องรอและเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเราหนักมาก เมื่อมีเหตุรัฐประหารยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก นักลงทุนก็ทำได้แต่เฝ้าดู ตอนนี้ก็มีราวๆ 20 บริษัทที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่กำลังพูดคุยเรื่องการซื้อที่ดินในศูนย์อุตสาหกรรมเพื่อทำเป็นฐานการผลิต ตอนนี้บริษัทลงเงินไปกว่า 140 ล้านบาทสำหรับการก่อสร้างเฟสแรก ขณะเดียวกันบริษัทข้ามชาติอื่นๆ ก็ระงับการดำเนินการเช่นกันในช่วงที่เกิดรัฐประหารในเมียนมา
ไม่ใช่แค่อมตะ แต่ยังมีซูซูกิ มอเตอร์ที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศก็ระงับการผลิตไป 2 โรงงานหลังจากที่มีการระงับทำการครึ่งวันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัทจะเริ่มกลับมาทำการใหม่เมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าปลอดภัย ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทต้องตัดสินใจกันวันต่อวันเลยทีเดียว
ซูซูกิ มอเตอร์ มีการผลิตรถยนต์ในท้องถิ่น 60% ยอดขายในเมียนมาปี 2019 รวม 21,926 คัน เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนหน้า ซูซูกิมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในเมียนมามากว่า 20 ปี ผลิตทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ผ่านการร่วมทุนกับ Myanmar Automobile & Diesel Engine Industries ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมเมียนมาตั้งแต่ปี 1999
นอกจากซูซูกิแล้วก็ยังมีเดนโซะที่เป็นบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นในการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ก็ระงับการผลิตเช่นกันเมื่อวันจันทร์ช่วงบ่ายที่ผ่านมา แต่ก็เริ่มกลับมาดำเนินการใหม่ในช่วงวันพุธ
เหตุรัฐประหารครั้งนี้ทำให้หลายองค์กร หลายบริษัทขาดความมั่นใจจนต้องระงับการลงุทนและดำเนินกิจการชั่วคราว รวมถึง ANA Holdings บริษัทแม่ของ All Nippon Airways ก็เตรียมทบทวนธุรกิจที่ทำอยู่ในเมียนมาเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการลดเที่ยวบินไปบ้างแล้วเนื่องจากโควิดระบาด
ที่มา – Nikkei Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา