หนึ่งในบริษัท Outsource งานบริการยักษ์ใหญ่ของไทยต้องมีชื่อ “สยามราชธานี” ติดอยู่ในนั้น แต่จะให้บริหารคนเพื่อรับงานบริการต่างๆ คงไม่พอในยุคนี้ บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนนวัตกรรมใหม่เพื่อยกระดับธุรกิจไปอีกขั้น
จากบริหารคนเป็นสร้างเทคโนโลยี
กว่า 40 ปีที่ก่อตั้งบริษัท “สยามราชธานี” ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Outsource งานบริการผ่านพนักงานหลักหมื่นคนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขับรถยนต์, เจ้าหน้าที่ธุรการ หรือช่างเทคนิค รวมถึงธุรกิจดูแลสวนที่เป็นธุรกิจเริ่มต้นของบริษัทด้วย
จิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี เล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้วบริษัทสามารถเดินหน้าธุรกิจในรูปแบบเดิมต่อไปได้ เพราะได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เริ่มมีบทบาทในหลายองค์กร ทำให้บริษัทต้องปรับตัว และลงทุนในเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต
“ปกติเราทำหน้าที่รับผิดชอบงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Core Business ของหลายองค์กรผ่านพนักงานจำนวนมากของเรา แต่หลังจากนี้งานที่ไม่ใช่ Core Business จะถูกรับผิดชอบโดยซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่เราพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซอฟท์แวร์จัดการเอกสาร หรือซอฟท์แวร์จัดระบบเดินทาง ควบคู่ไปกับคนของเราที่จะตอบโจทย์ฝั่งที่ซอฟท์แวร์ยังรับผิดชอบไม่ได้”
Office Automation คือเป้าหมาย
เมื่อคนผสานกับซอฟท์แวร์อัจฉริยะที่สยามราชธานีสร้างขึ้น การมีส่วนช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเดินหน้า Office Automation ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการทำ Digital Transformation หรือการพาองค์กรให้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการทำ Digital Transformation ไม่ใช่แค่การเอาเทคโนโลยีมาใช้งานในองค์กร
“ถ้าเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาติดตั้งในองค์กร แต่ไม่มีคนใช้ หรือถึงใช้ไปก็ไม่ยกระดับองค์กรให้ดีกว่าเดิม คงเรียกว่า Digital Transformation ไม่ได้ ทำให้เราเจรจากับองค์กรที่เชี่ยวชาญ Digital Transformation ในระดับโลกเพื่อมาช่วยเหลือทุกองค์กร และสยามราชธานีเองก็ปรับตัวเพื่อเป็นตัวอย่างแล้ว”
สำหรับการปรับตัวของสยามราชธานีมีตั้งแต่การใช้ซอฟท์แวร์การจัดการเอกสารเพื่อลดการใช้กระดาษ, การลงเวลา รวมถึงการสัมภาษณ์ที่ใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งยังลงทุนใน Startup ต่างๆ เพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมายกระดับธุรกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ประโยชน์จะไปอยู่ที่ลูกค้าสามารถทำงานได้ง่าย, เร็ว และคุ้มค่ามากขึ้น
Outsource ผ่านคนยังมีอยู่
อย่างไรก็ตามถึงสยามราชธานีจะเปลี่ยนผ่านบริษัทไปสู่ยุคดิจิทัลมากแค่ไหน แต่ธุรกิจ Outsource ดั้งเดิมก็ยังไม่ทิ้ง เพราะทิศทางตลาดตอนนี้องค์กรขนาดใหญ่ และขนาดเล็กเริ่มหันมาใช้งานพนักงาน Outsource มากขึ้น เพราะช่วยประหยัดต้นทุน และทำให้องค์กรเหล่านั้นสามารถทุ่มเวลาไปกับ Core Business ของตัวเองได้เต็มที่
“ถึงเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนได้ แต่บางส่วนคนก็ยังตอบโจทย์กว่า ยิ่งเรามีตัวอย่างมากมายที่สยามราชธานีช่วยให้องค์กรต่างๆ ประหยัดต้นทุนจากการจ้างพนักงานเองได้จริง เช่นบางองค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ภายใน 3 ปี หรือบางองค์กรโอนพนักงานของเขามาให้เราบริหารจัดการ เพราะเห็นว่ามันคุ้มกว่า ดังนั้นธุรกิจนี้จึงเติบโตได้อยู่”
ทั้งนี้สยามราชธานีมีบริการที่หลากหลายทำให้มีคู่สัญญากว่า 600 บริษัทที่จ้างให้สยามราชธานีทำงานต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก และทั้งหมดนี้มีแนวโน้มต่อสัญญาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่คู่ค้ามอบให้กับสยามราชธานีในฐานะผู้บริหารงาน Outsource ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่ง COVID-19 ระบาด องค์กรต่างๆ ก็หันมาควบคุมต้นทุนด้วยการจ้าง Outsource
บริษัทซอฟท์แวร์ขนาดเล็ก
ณัฐพล วิมลเฉลา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี เสริมว่า ตอนนี้บริษัทกำลังเปลี่ยนไปสู่ Software Company ขนาดเล็ก เพื่อออกแบบบริการดิจิทัลต่างๆ ได้ดี และเร็วยิ่งขึ้น โดยตอนนี้บริษัทมีโปรแกรมเมอร์ราว 20 คน และจะเพิ่มขึ้นอีกเร็วๆ นี้ ทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยีใหม่เช่น Blockchain ด้วย
สำหรับ 4 ธุรกิจหลักของสยามราชธานีประกอบด้วย
- So People บริการการบริหารจัดการพนักงานขับรถ และพนักงานสำนักงาน, การบริหารจัดการพนักงานช่างเทคนิค และการบริหารจัดการพนักงานบันทึกข้อมูล
- So Wheel บริการเช่ารถยนต์หลากหลายรูปแบบ เช่นเช่ารถยนต์พร้อมคนขับ
- So Next บริการจัดการข้อมูลเอกสารหลายรูปแบบ และระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบออนไลน์
- So Green บริการที่ปรึกษาปัญหางานสวน บริการออกแบบจัดสวน และตัดแต่งต้นไม้ใหญ่
“สยามราชธานีอยากเล่น Bigger Game ซึ่งการทำ Digital Transformation ต้องใช้เงินทุนมหาศาล ดังนั้นการเข้า IPO แทนที่จะอาศัยการเติบโตในรูปแบบเดิมจึงเกิดขึ้น และเงินทุนเหล่านั้นจะทำให้สยามราชธานีกลายเป็นบริษัทนวัตกรรมได้จริง ผ่านการความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี และพร้อมช่วยเหลือทุกองค์กรให้เติบโตในโลกธุรกิจยุคใหม่” ณัฐพล ทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา