มุมมองการลงทุนหุ้นไทยในไตรมาส 4 โดย บล.ไทยพาณิชย์ โดยมองว่าในไตรมาส 4 ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนยังดูน่าเป็นห่วง ขณะที่หุ้นไทยต้องเน้นเลือกรายตัว
บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) แนะจับตาตลาดมีแนวโน้มความผันผวนที่จะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากปัจจัยเชิงบวกถูกรับรู้ไปแล้วและนักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงด้านลบ ทางด้านกรอบการเคลื่อนไหวของของดัชนีหุ้นไทยจะผันผวนมากขึ้น ขณะเดียวกันความคืบหน้าวัคซีน COVID-19 จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด มีมุมมองของการลงทุนว่า จากที่คาดหวังว่าวัคซีนมาได้สิ้นปี ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมา จะทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น แต่ตอนนี้หลายๆ ปัจจัยนั้นไม่น่าทันแล้ว วัคซีนคือปัจจัยที่จะทำให้หุ้นขึ้น
เมื่อมองภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในไตรมาส 4 คาดว่าเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกจะดูน่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยอิงกับปัจจัยเสี่ยง 3 ประการ ได้แก่
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปอย่างช้าๆ เปราะบางและไม่แน่นอน ตัวเลขเศรษฐกิจอาจแสดงสัญญาณชะลอตัวสืบเนื่องมาจากความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรอบสองของ COVID-19 ที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกเผชิญอยู่
- ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุด 2 ประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนระหว่างสหรัฐฯและจีนถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวของสหรัฐฯ ที่จะป้องกันไม่ให้จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ
- นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจจะตึงตัวขึ้น ถ้าโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี เนื่องจากไบเดนวางแผนที่จะปรับเพิ่มขาดดุลการคลังประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 10 ปี เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของรัฐในส่วนของสวัสดิการสังคมและโครงการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ
ขณะที่มองเศรษฐกิจไทยนั้น ย้อนกลับไปคือเศรษฐกิจไตรมาส 2 แย่มากเพราะผลจากการล็อกดาวน์ สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้นคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3 ได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวในไตรมาส 4 จะเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย SCBS มอง GDP ไทยปีนี้จะถดถอยที่ -7.8%
อีกเรื่องที่สุกิจ ชี้ให้ต้องจับตามองคือเรื่องของทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ไปยังตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยปัจจัยกระทบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบไปด้วย เศรษฐกิจสหรัฐ ความเสี่ยงในฐานะเศรษฐกิจต่ำ การทำ QE ฯลฯ
สำหรับเรื่องของการเลือกตั้งถ้าโจ ไบเดนชนะ เงินอาจไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศไทย ฯลฯ จากการขึ้นภาษีบริษัท ขณะที่สงคราการค้าอาจมีโอกาสทบทวนกับจีน แต่ถ้าทรัมป์ชนะ เงินไม่ไหลเข้าไทย รวมไปถึงการค้าทั่วโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น
หลายๆ เรื่องที่รวมกันทำให้ไตรมาส 4 นี้อาจกดดันทำให้ตลาดหุ้นไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก
ทางด้านมุมมองของตลาดหุ้นไทยนั้น สุกิจมีมุมมองว่าตอนนี้ถือว่าแพง โดย SCBS มองกำไรหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 57.82 ปีหน้าอยู่ที่ 75.64 ปี 2022 อยู่ที่ 93.88 บาท การฟื้นตัวต้องใช้เวลา 2 ปี ทำให้ปีหน้ามองว่าหุ้นไทยในปีหน้าดัชนีหุ้นไทยอาจอยู่ที่ราวๆ 1,400 จุด แถมหุ้นไทยตอนนี้ Sector ที่แพงก็แพงตลอดตัวที่ถูกก็ยังถือว่าถูกต่อไป ขณะเดียวกันเขายังได้ย้ำว่า “พูดถึงหุ้นไทยในอนาคตจะต้องเริ่มดู Sector มากขึ้น มากกว่ามองเป้าของดัชนี”
ไตรมาส 4 นั้น SCBS แนะนำลงทุนในกลุ่ม ธุรกิจการเกษตร อีเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ สาธารณูปโภค ขณะเดียวกันลดการลงทุนในกลุ่มสายการบิน ยานยนต์ ธนาคาร บันเทิง ที่อยู่อาศัย สื่อสาาร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา