ดีแทค จัดตั้งกลุ่มธุรกิจองค์กร หรือ dtac Business โดยนำเอาเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และโซลูชัน มาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าองค์กร และ SME โดยใช้ความเข้าใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ไม่เหมือนปีก่อนๆ เลย ต้องมีการบริหารองค์กรโดยไม่ได้เจอหน้ากัน ธุรกิจหลายประเภทคุ้นเคยกับการทำงานในแบบเดิมๆ ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี ว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจได้ การเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดจากการทำงานที่บ้าน ธุรกิจขนาดเล็กจึงต้องปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิทัลกันอย่างแพร่หลาย
ดีแทคเองก็ต้องปรับแนวคิด และการให้บริการ โดยเน้นไปที่การทำความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ทั้งธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก ธุรกิจที่มีเจ้าของคนเดียว มีความต้องการต่างกันไป ดีแทคต้องทำความเข้าใจความท้าทาย ทำเทคโนโลยีที่เป็นเรื่องไกลตัว ให้เป็นเรื่องง่าย
โดยสิ่งที่เป็นแนวโน้มการทำธุรกิจที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
-
- การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น
- พัฒนาเครื่องมือและโซลูชันการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย รองรับการทำงานแบบใหม่
- การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางช่องทางดิจิทัล รับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
dtac Business เข้าใจปัญหาของธุรกิจในทุกๆ ขนาด เพื่อให้บริการที่ตอบโจทย์กับการดำเนินธุรกิจ สบายใจ ไร้กังวล หรือที่เรียกว่า WorryFree
3 โซลูชันจาก dtac Business
โซลูชันของ dtac Business ประกอบไปด้วย 3 โซลูชันสำคัญ สำหรับลูกค้าทั้งธุรกิจองค์กร และ SME ได้แก่
Mobility Solution
ปัญหาสำคัญของลูกค้าธุรกิจองค์กร และ SME คือ มีค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ทั้งจากการโทร และการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกินจากแพ็กเกจที่กำหนด แสดงว่าแพ็กเกจที่ใช้ไม่ตอบโจทย์ ลูกค้าต้องใช้อย่างกังวลใจ
หลายองค์กรให้เบอร์กับพนักงานไปใช้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพนักงานเอาไปใช้งานอะไรบ้าง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ที่บริษัทต้องจ่าย
ซิม WorryFree จึงเกิดขึ้นสำหรับธุรกิจ ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ด้วยการโทรฟรีทุกเครือข่าย 24 ชั่วโมง ใช้อินเทอร์เน็ตไม่จำกัด บล็อกบริการเสริมที่จะเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ลูกค้าเก่าและใหม่ มีความเท่าเทียมกัน โดยดีแทคจะอัพเกรดเพิ่มอินเทอร์เน็ตในราคาเท่าเดิมให้อัตโนมัติ แก่ลูกค้าทุกๆ คน ในเดือนตุลาคมนี้ โดยไม่ต้องติดต่อเพื่อขอเพิ่มแพ็กเน็ตจากดีแทคแต่อย่างใด
IoT Solution
มูลค่าตลาดของ IoT ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 3,600 ล้านบาท เมื่อปี 2018 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,600 ล้านบาท ภายในปี 2023 ซึ่งดีแทคมีพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกการใช้งานในทุกภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ดีแทคยังมีความได้เปรียบจาก Telenor Connection ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี IoT มานานนับ 10 ปี
SmartConnect Could Solution
ดีแทคต้องการเป็นผู้ที่รวบรวมคลาวด์จากหลายผู้ให้บริการ โดยการใช้ความแข็งแกร่งจากการเชื่อมต่อและการเคลื่อนที่ โดยมีโซลูชัน SmartConnect โดย NetFoundry ให้บริการเครือข่ายที่ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเชื่อมต่อ รับ ส่งข้อมูลระหว่างสำนักงานหรือสาขาต่างๆ ที่ใดก็ได้ในโลก โดยมีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพ
เพราะที่ผ่านมาหากพนักงานต้องการทำงานที่บ้าน ต้องเข้าผ่านระบบ VPN แต่ปัญหาสำคัญก็คือความช้า ต้องใช้เวลานาน ซึ่ง SmartConnect จะเข้ามาแทนที่ VPN ปัญหาการส่งข้อมูลก็จะหมดไป
นอกจากทั้ง 3 โซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าธุรกิจองค์กร และ SME แล้ว ยังมีบริการ E-care และ E-store ช่วยให้ลูกค้าเก่าสามารถเปิดเบอร์เพิ่ม สมัคร เปลี่ยนแพ็กเกจ ส่วนลูกค้าใหม่สามารถเปิดเบอร์ สมัครบริการ ส่งเอกสารผ่านระบบออนไลน์ แล้วส่งซิมไปให้ โดยไม่ต้องติดต่อกับศูนย์บริการ นอกจากนี้ดีแทคยังเปิดตัว เบอร์โทร Business call center โทร 1431 สำหรับลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา