การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ทุกคนต้องอยู่บ้าน ทำให้ Peloton ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ และโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน เช่นเครื่องปั่นจักรยาน และลู่วิ่งไฟฟ้า เติบโตสวนกระแสฟิตเนสที่ทยอยปิดตัวในสหรัฐอเมริกา
โตเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของ Peloton ปิดที่ 607.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 172% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 89.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขทั้งสองนั้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้
เนื่องจากกระแสการออกกำลังกายที่บ้านยังเติบโตไม่หยุด โดย Peloton สามารถจำหน่ายเครื่องปั่นจักรยาน, ลู่วิ่งไฟฟ้า และโปรแกรมสมัครสมาชิกออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง ถึงสิ้นสุดปีงบประมาณมีสมาชิกทั้งหมด 1.09 ล้านราย มีอัตราการออกกำลังกายเฉลี่ย 25 ครั้ง/เดือน มากกว่าปีก่อนที่ 12 ครั้ง/เดือน
จากการเติบโต และโรค COVID-19 ยังระบาด Peloton จึงคาดการณ์ว่า ยอดขายปีงบประมาณ 2564 จะอยู่ที่ 3,500-3,650 ล้านดอลลาร์ และในไตรมาสแรกจะคิดเป็น 720-730 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังตั้งเป้าผู้สมัครสมาชิกเพิ่ม 90% แต่เพื่อไปถึงจุดนั้น Peloton เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่
ไม่ว่าจะเป็นการปรับราคาเครื่องปั่นจักรยานรุ่นปัจจุบันลงเล็กน้อย และส่งเครื่องปั่นจักรยานรุ่นใหม่ที่มีราคา กับประสิทธิภาพที่สูงกว่าเข้ามา นอกจากน้ยังเปิดตัวลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นราคาประหยัดในปี 2564 เช่นเดียวกัน และ Peloton ยังคาดว่า โอกาสการเติบโตของลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีมากกว่าเครื่องปั่นจักรยานตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
สรุป
ธุรกิจฟิตเนสในสหรัฐอเมริกามีทั้งปิดชั่วคราวเพราะ COVID-19 และปิดอย่างถาวรผ่านกระแสการออกกำลังกายที่บ้าน รวมถึงการไปใช้บริการฟิตเนสขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายเฉพาะทางมากกว่า แต่น่าเสียดายที่ Peloton ตอนนี้ยังทำตลาดในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะขยายออกไปที่ตลาดอื่นหรือไม่
อ้างอิง // Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา