บริการร่วมเดินทาง หรือ Ride Hailing เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนออกมาจำนวนมาก แต่ด้วยทิศทางโลกเริ่มใส่ใจกับการลดมลพิษมากขึ้น Uber จึงตั้งเป้าหมายให้บริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งหมดภายในปี 2040
ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด
การประกาศแผนขับเคลื่อนบริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2040 ของ Uber เริ่มต้นด้วยการลงทุนกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นส่วนลดให้กับผู้ขับในระบบที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยก่อนหน้านี้ Uber มีการประกาศความร่วมมือกับ GM และกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan เพื่อได้สิทธิพิเศษเวลาไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของทางค่าย
นอกจากนี้ Uber ยังเตรียมขยายบริการ Uber Green หรือการโดยสารด้วย Uber ที่ผู้ขับใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Hybrid หรือรถยนต์ไฟฟ้าล้วน จากเดิมที่ให้บริการใน 15 เมืองของสหรัฐอเมริกา และแคนาดา รวมถึงลงทุนสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อมาให้บริการเช่นเดียวกัน
ในทางกลับกันเพื่อเร่งเครื่องการขยายบริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้า Uber ตั้งเป้าให้บริการในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และยุโรป ภายในปี 2030 พร้อมกับจูงใจผู้ใช้บริการด้วยคะแนน Uber Rewards มากกว่า 3 เท่า เมื่อใช้บริการ Uber Green แต่ต้องยอมแลกกับการจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 30 ดอลลาร์/เที่ยว
ขณะเดียวกันฝั่งผู้ขับในระบบจะได้รับเงินพิเศษ 0.50 ดอลลาร์/เที่ยว เมื่อให้บริการ Uber Green แต่หากรถยนต์ของพวกเขาไม่มีการปล่อยมลพิษ จะได้เงินพิเศษอีก 1 ดอลลาร์/เที่ยว ซึ่งสิทธิประโยชน์ทั้งสองจะรวมกันได้ ดังนั้นหากให้บริการ Uber Green ด้วยรถยนต์ที่ไร้มลพิษจะได้รับเงินพิเศษรวม 1.50 ดอลลาร์/เที่ยว
สรุป
ก่อนหน้านี้ Lyft คู่แข่งในอเมริกาเหนือของ Uber ได้ประกาศกลยุทธ์เปลี่ยนการให้บริการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งหมดภายในปี 2030 หรือเร็วกว่า Uber 10 ปี ดังนั้นคงต้องติดตามกันว่าแบรนด์อื่นๆ ที่ให้บริการร่วมเดินทางจะเดินหน้ากลยุทธ์แบบนี้ด้วยหรือไม่ เพราะการปล่อยมลพิษของธุรกิจนี้มีมากจริงๆ
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา