ใช้รถไฟความเร็วสูงหนุนอีคอมเมิร์ซ เพื่อต้นทุนที่ต่ำลง
แม้ว่ารัฐบาลจีนจะผลักดันให้เกิดการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟความเร็วสูงเพียงใด แต่ปัญหาใหญ่ของการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟความเร็วสูงในจีนคือ “ต้นทุน” ที่สูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกาจะพบว่า ต้นทุนการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟความเร็วสูงในจีนสูงกว่าถึง 2 เท่า
ชัดเจนว่า ต้นทุนที่สูงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในวงกว้าง
ล่าสุด เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา China Railway ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงในจีน (ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ) ประกาศแผนผลักดันรถไฟความเร็วสูงเพื่อการขนส่งสินค้า โดยจะใช้ระบบเทคโนโลยีท้องถิ่น เช่น 5G, ระบบดาวเทียมนำทางของ Beidou ปัญญาประดิษฐ์ และรวมถึงการทำให้ทุกระบบที่เชื่อมต่อเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นโกดังสินค้าและสถานีรถไฟความเร็วสูง
China Business Journal รายงานว่า หลังจากที่หน่วยงานของรัฐบาลจีนประกาศแผนนี้ออกมา ค่อนข้างชัดเจนว่า รัฐบาลมีความต้องการจะผลักดันและมุ่งเป้าไปที่การยกระดับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในประเทศ
แผนการของจีนในครั้งนี้คือการใช้จุดแข็งด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศเป็นตัวลดต้นทุนค่าขนส่งในระยะยาว
หากดูจากตัวเลขการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟความเร็วสูงของจีนในปัจจุบันอยู่ที่ 9.5% เท่านั้นเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้ารูปแบบอื่นๆ (เช่น รถบรรทุกครองสัดส่วนถึง 74.3%) ดังนั้น หน่วยงานของรัฐบาลจีนจึงประเมินและวิเคราะห์ว่า วิธีการที่จะทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าต่ำลง คือการเพิ่มปริมาณการขนส่งระบบรางให้เพิ่มมากขึ้น โดยหากเพิ่มปริมาณได้ถึง 15-25% ของการขนส่งสินค้าทั้งหมดในประเทศ ต้นทุนของการขนส่งด้วยรถไฟความเร็วสูงในจีนจะต่ำลงกว่านี้มาก
นี่คือประเด็นที่ต้องจับตามองกันต่อไป เพราะจีนแสดงออกให้เห็นมานานแล้วว่าต้องการเป็นผู้นำโลกในด้านการขนส่งด้วยระบบราง
ที่มา – SCMP
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา